โรคเกาต์และโรครูมาตอยด์เป็นโรคข้อที่พบมากในคนไทย ซึ่งส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก การแยกความเจ็บป่วยของทั้งสองโรคไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นการรู้ถึงความต่างของอาการระหว่างโรคเกาต์และโรครูมาตอยด์จะช่วยให้รับมือได้ทันและดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี
ความต่างของเกาต์ VS รูมาตอยด์
เกาต์ |
รูมาตอยด์ |
เกิดจากการที่ร่างกายสะสมกรดยูริก (Uric Acid) มากเกินไป และไม่สามารถขับกรดยูริกส่วนเกินออกได้ จึงตกผลึกตามข้อและอวัยวะต่าง ๆ |
เกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบภูมิต้านทานอย่างหนึ่งที่ไปทำลายและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อและกระดูกรอบข้อ |
ปวดส่วนล่างของร่างกาย โดยเฉพาะข้อโคนนิ้วหัวแม่เท้า นิ้วเท้า ข้อเท้า ข้อเข่า |
ปวดได้ทุกจุดของร่างกาย ทั้งข้อนิ้วมือ ข้อไหล่ ข้อนิ้วเท้า ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อไหล่ ข้อศอก |
ปวดข้อเดียวไม่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันหลายข้อ |
ปวดหลาย ๆ ข้อพร้อมกัน |
ปวดข้างใดข้างหนึ่ง |
ปวด 2 ข้างพร้อมกัน |
มีปุ่มกระดูกปรากฏที่ข้อ |
มีการผิดรูปของข้อนิ้ว ข้อมือ ข้อนิ้วเท้า |
ปวดได้ทุกช่วงเวลา |
ปวดข้อมากที่สุดช่วงตื่นนอน โดยเฉพาะอากาศเย็น |
ถ้าข้ออักเสบรุนแรงแล้วไปประคบร้อนจะอักเสบเพิ่มขึ้น |
การประคบเย็นทำให้ข้อที่เป็นปวดมากขึ้น |
ปวดแบบเป็น ๆ หาย ๆ |
ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่รีบรักษาโรค |
หากมีอาการปวดข้อแล้วไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นโรคเกาต์หรือรูมาตอยด์ควรสังเกตตนเองและรีบพบแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคและทำการรักษาโดยเร็ว ซึ่งแนวทางการรักษามีทั้งการใช้ยา การบริหารร่างกาย การพักผ่อน การผ่าตัด เพื่อจะได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพดังเดิม