ริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นท้องผูก ถ่ายอุจจาระบ่อย หรือท้องเสีย รับประทานอาหารกากใยน้อย นั่งห้องน้ำนาน เป็นต้น ซึ่งสามารถแบ่งระยะตามความรุนแรงของโรค หากอยู่ในระยะที่รุนแรง ริดสีดวงทวารอาจยื่นพ้นปากทวารหนักขณะเบ่งถ่าย และต้องใช้นิ้วดันกลับเข้าที่ หรือหากรุนแรงขึ้นก็จะไม่สามารถดันกลับเข้าที่ได้ ริดสีดวงภายนอกอาจมีเลือดคั่งภายใน และเกิดลิ่มเลือดเฉียบพลัน การรักษาริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์คืออีกทางเลือกสำหรับการรักษาริดสีดวงที่เห็นผลไว หายเร็ว พักฟื้นไม่นาน
อาการริดสีดวง
- ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดแดงสด
- คลำได้ก้อนบริเวณรูทวารหนัก
- มีก้อนปลิ้นภายหลังการถ่ายอุจจาระและยุบกลับเข้าไปในทวารหนักได้เอง
- ปวดก้นและคลำได้ก้อน (ริดสีดวงด้านในไม่ปวด ริดสีดวงด้านนอกปวด)
- คันหรือระคายเคืองรอบปากทวารหนัก
ริดสีดวงกับเลเซอร์
การรักษาริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์เป็นการใช้พลังงานจากเลเซอร์เข้าไปทำให้เส้นเลือดที่ทำหน้าที่เลี้ยงริดสีดวงฝ่อไป โดยผู้ป่วยจะได้รับยาระงับความรู้สึกโดยวิสัญญีแพทย์ ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการจะทำการเปิดแผลขนาดเล็ก (ประมาณ 2 มิลลิเมตร) เพื่อสอดใยแก้วเหนี่ยวนำเลเซอร์เข้าไปบริเวณขั้วของเส้นเลือดดังกล่าว ส่งผลให้ริดสีดวงฝ่อและยุบลง โดยไม่กระทบกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก
ข้อดีของการรักษาริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์
- ผลข้างเคียงน้อย
- เจ็บน้อย
- หายไว
- พักฟื้นไม่นาน (ประมาณ 1 – 2 วัน)
- ทำกิจกรรมปกติได้ภายหลังการรักษา
ปรับพฤติกรรมลดเสี่ยงริดสีดวง
การดูแลพฤติกรรมในการขับถ่ายและการรับประทานอาหารมีส่วนสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงโรคริดสีดวง
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมอื่น ๆ ขณะขับถ่าย เช่น อ่านหนังสือ เล่นมือถือ เป็นต้น
- การอั้นอุจจาระอาจทำให้ถ่ายแข็ง ต้องออกแรงเบ่งมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระแรง
- รับประทานอาหารกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 6 – 8 แก้วต่อวัน
อย่างไรก็ตามริดสีดวงทวารมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ การพิจารณารักษาริดสีดวงทวารขึ้นอยู่กับการตรวจวินิจฉัยและประเมินการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งการรักษาริดสีดวงโดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เป็นวิธีการรักษาที่ตอบโจทย์ผู้ป่วยที่มีริดสีดวงทวารในระยะแรกเริ่มถึงรุนแรงโดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็วและกลับไปมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง