หน้าฝนเต็มไปด้วยโรคที่ต้องระวังมากมาย ยิ่งถ้าน้ำท่วมหนักระบายแทบไม่ทันยิ่งเสี่ยงโรค โดยเฉพาะโรคฉี่หนู ซึ่งหากละเลยอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงควรรู้ระวัง เลี่ยงปัจจัยเสี่ยง หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ และรีบมาพบแพทย์เพื่อรักษาก่อนรุนแรงจนยากเกินรับมือ
รู้จักโรคฉี่หนู
โรคฉี่หนูหรือโรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์พาหะอย่างหนู สุนัข สุกร ม้า เป็นต้น ซึ่งจะปนเปื้อนในบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง โดยเข้ามาสู่ร่างกายผ่านผิวหนังที่มีบาดแผล หรือรอยขีดข่วนหากต้องลุยน้ำหรือแช่ในน้ำนาน รวมถึงอาจเข้ามาทางเยื่อบุตา จมูก ปากได้เช่นกัน หากไม่รีบรักษาอาจเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้
อาการโรคฉี่หนู
- ไข้สูง
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือข้อต่อรุนแรง
- หนาวสั่น
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องเสีย
- ตาแดง ระคายเคืองตา
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
ตรวจวินิจฉัยโรคฉี่หนู
ความน่าสนใจของโรคฉี่หนูคืออาการมักจะคล้ายโรคหวัด ผู้ป่วยจึงมักซื้อมายามารับประทานเองแทนที่จะรีบไปพบแพทย์ ทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นหากมีอาการแนะนำให้ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ซึ่งแพทย์จะตรวจวินิจฉัยจากการซักประวัติ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ รวมถึงวิธีการตรวจวินิจฉัยอื่น ๆ ตามความเหมาะสม อย่างการเอกซเรย์ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ป่วยมั่นใจและนำไปสู่การรักษาโรคได้อย่างถูกวิธี
รักษาโรคฉี่หนู
การรักษาโรคฉี่หนู แพทย์จะพิจารณาจากอาการและความรุนแรงเป็นหลักโดยมักให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับการรักษาตามอาการซึ่งจะต้องรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งเพื่อให้หายจากโรคและป้องกันการติดเชื้อซ้ำในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาจต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลและฉีดยาปฏิชีวนะเข้าสู่กระแสเลือดหรือหากมีอวัยวะเสียหายอาจต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆเพิ่มเติมเช่นถ้าไตเสียหายอาจต้องล้างไตเป็นต้น
ภาวะแทรกซ้อนของโรคฉี่หนู
- ไตวายเฉียบพลัน
- เลือดออกในปอด
- เกล็ดเลือดต่ำ
- ตับวาย
- หัวใจวาย
- กล้ามเนื้อลายสลายตัว
- ภาวะแข็งตัวของเลือด
- ความดันต่ำ
ป้องกันโรคฉี่หนู
- เลี่ยงการเดินลุยน้ำท่วม ย่ำโคลน เพราะอาจปนเปื้อนเชื้อจากสัตว์นำโรค
- หากจำเป็นต้องลุยน้ำท่วมให้สวมรองเท้าบู้ตทุกครั้ง
- อย่าให้บาดแผลสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาด
- หากสัมผัสน้ำที่อาจปนเปื้อนไปแล้วให้ล้างทำความสะอาดร่างกายโดยเร็วและเช็ดให้แห้ง
แม้โรคฉี่หนูจะรักษาหายได้แต่ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกันสิ่งสำคัญคือป้องกันและสังเกตตัวเองหากมีอาการผิดปกติต้องรีบพบแพทย์ทันที