รู้จัก UV Phototherapy
UV Phototherapy เป็นการใช้แสงอาทิตย์ในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิด ซึ่งแสงอาทิตย์หรือแสงแดดที่ส่องมาถึงผิวโลก ประกอบไปด้วยแสงอัตราไวโอเลต แสงที่ใช้ในการมองเห็นและแสงอินฟราเลต (แสงที่ทำให้เกิดความอบอุ่นและความร้อน) โดยแสงแดดตามธรรมชาติทำให้โรคผิวหนังบางโรคมีอาการดีขึ้น มีการศึกษาค้นคว้าพบว่า แสงอัตราไวโอเลต มีฤทธิ์ในการรักษาโรคผิวหนังบางโรค ซึ่งแสงอาทิตย์เทียมที่ใช้ในการรักษาโรคผิวหนังประกอบด้วย
-
แสงอัตราไวโอเลต A (UVA ความยาวคลื่น 320 – 400 นาโนเมตร)
-
แสงอัตราไวโอเลต A1 (UVA1 340 – 400 นาโนเมตร)
-
แสงอัตราไวโอเลต B ช่วงคลื่นแคบ (narrowband UVB 311 นาโนเมตร , Excimerlaser 308 นาโนเมตร)
แสงอัตราไวโอเลตเอและ บี ออกฤทธิ์ในการกดภูมิต้านทานของร่างกาย ยับยั้งการอักเสบของผิวหนัง และกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดสี ทำให้ผิวหนังคล้ำขึ้น ใช้ในการรักษาโรคด่างขาว
วิธีการรักษา UV Phototherapy
การเลือกใช้แสงอัลตราไวโอเลต A และ B การจะเลือกฉายให้ทั่วตัวหรือฉายเฉพาะที่มือ เท้า หรือฉายเฉพาะผื่น ขึ้นอยู่กับลักษณะและความรุนแรงของโรคของผู้ป่วย
-
หากเลือกใช้เครื่องฉายแสงอัตราไวโอเลต A ผู้ป่วยจะต้องทานยาเซอราเลนร่วมด้วย โดยรับประทานยาก่อนการฉายแสง 2 ชั่วโมง หลังจากรับประทานยาแล้วผู้ป่วยควรจะสวมแว่นกันแดดที่สามารถกันแสงอัตราไวโอเลต เอ และหลบแดดเป็นเวลานาน 8 – 12 ชั่วโมง ตั้งแต่รับประทานยา
-
หากเลือกใช้เครื่องฉายแสงอัตราไวโอเลต B ผู้ป่วยไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยา สามารถฉายแสงได้เลย สามารถใช้ได้ในเด็กและผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ ผู้ป่วยจะรับการรักษาด้วยการฉายแสง ต้องไม่มีประวัติแพ้แสงแดด หรือมะเร็งผิวหนังมาก่อน ไม่รับประทานยาที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้แสง ในระหว่างการรักษาผู้ป่วยควรจะตรวจลานสายตา และตรวจดูภาวะต้อกระจก
UV Phototherapy เหมาะกับใคร
โรคที่สามารถรักษาด้วยแสงอัลตราไวโอเลต ได้แก่- ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน
- ผู้ป่วยโรคด่างขาว
- ผู้ที่มีผื่นและภูมิแพ้ผิวหนัง
- ผู้ที่มีผื่นผิวอักเสบเรื้อรัง
- ผู้ที่มีผื่นคันเรื้อรัง
- ผู้ป่วยโรคผื่นกุหลาบ
- ผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังบางชนิด
โดยโรงพยาบาลกรุงเทพมีทีมแพทย์เฉพาะทางในการรักษาโรคผิวหนังโดยการใช้แสงอัตราไวโอเลต ซึ่งมีประสบการณ์การรักษามานานกว่า 10 ปี จึงมั่นใจได้ในทุกการรักษา