รากฟันเทียม ALL-ON-4 ทดแทนฟันทั้งขากรรไกรให้พร้อมใช้งานได้ทันที

7 นาทีในการอ่าน
รากฟันเทียม ALL-ON-4 ทดแทนฟันทั้งขากรรไกรให้พร้อมใช้งานได้ทันที

การสูญเสียฟันธรรมชาติไปจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ฟันผุ โรคเหงือก การถอนฟัน รวมทั้งอุบัติเหตุในช่องปาก มักส่งผลกระทบต่อการใช้ฟันในชีวิตประจำวัน เช่น การบดเคี้ยวอาหาร การพูดคุย ที่สำคัญคือสูญเสียความมั่นใจในรอยยิ้ม ส่งผลให้การใช้ชีวิตและคุณภาพชีวิตโดยรวมแย่ลง นอกเหนือจากการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้แล้ว การใส่รากฟันเทียมเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป ทั้งในเรื่องของการใช้งานและความสวยงาม ซึ่งปัจจุบันทันตกรรมรากฟันเทียมมีหลายแบบ เช่น ทันตกรรมรากฟันเทียมสำหรับ 1 ซี่ ทันตกรรมรากฟันเทียมสำหรับฟันที่หายเป็นจำนวนมาก และทันตกรรมรากฟันเทียมทั้งปาก โดยการพิจารณาเลือกใช้ชนิดของรากฟันเทียมขึ้นอยู่กับปัญหาฟันที่พบและปัจจัยต่าง ๆ ในผู้ป่วยแต่ละราย เช่น จำนวน ตำแหน่ง และสภาพฟันที่เหลืออยู่ รวมทั้งกระดูกรองรับฟัน


ข้อดีและข้อจำกัดของรากฟันเทียมแต่ละชนิด

การใส่ฟันปลอมทั้งขากรรไกรแบบถอดได้มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เช่น พบทันตแพทย์หลายครั้ง ทำให้แน่นค่อนข้างยาก อีกทั้งเหงือกและกระดูกมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามเวลา จึงต้องมาปรับฐานฟันปลอมเพื่อให้กระชับ ซึ่งฟันปลอมอาจหลวมหลุดกระทบกันจนเกิดเสียงขณะกินข้าวหรือพูดคุย และต้องตัดแบ่งอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนใช้ฟันปลอมเคี้ยวอีกด้วย เมื่อใช้รากเทียมร่วมกับฟันปลอมจะทำให้ฟันปลอมติดแน่นกว่าจึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพูดคุยและบดเคี้ยวอาหาร


ฟันปลอมทั้งปากชนิดถอดได้

 

  • ข้อดี ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
  • ข้อจำกัด มีโอกาสหลวมหลุด อาจจำเป็นต้องใช้กาวติดฟันปลอมช่วยด้วย


ฟันปลอมชนิดถอดได้ร่วมกับรากฟันเทียม

 

  • ข้อดี ฟันปลอมแน่นขึ้น
  • ข้อจำกัด ฟันปลอมชนิดถอดได้ที่ต้องระมัดระวังเวลาเคี้ยวอาหาร


รากฟันเทียม
ALL-ON-4

 

  • ข้อดี ใช้รากเทียมจำนวนน้อย ฟันปลอมใส่บนรากฟันเทียมทันทีหลังฝังรากฟันเทียม ใช้เวลาน้อยกว่ารากฟันเทียมแบบอื่น
  • ข้อจำกัด ฟันปลอมชุดแรกที่ใส่ทันทีหลังฝังรากฟันเทียมเป็นชุดชั่วคราวต้องมีการเปลี่ยนอีกครั้ง การดูแลจะต้องทำความสะอาดใต้ฟันปลอมทุกวันไม่ให้มีเศษอาหารติดอยู่ และพบทันตแพทย์ประจำปีเพื่อรับการทำความสะอาดอย่างสมบูรณ์


ครอบฟันและสะพานฟันบนรากฟันเทียมแบบติดแน่น

 

  • ข้อดี ทดแทนฟันทั้งขากรรไกร รากฟันเทียมรองรับสะพานฟันเซรามิกได้มั่นคงแข็งแรง ฟันปลอมชนิดติดแน่นทำความสะอาดได้เหมือนฟันธรรมชาติ
  • ข้อจำกัด กระดูกต้องเพียงพอและสมบูรณ์ในการฝังรากเทียม

รู้จักรากฟันเทียม ALL-ON-4

สำหรับการทดแทนฟันที่หายไปทั้งปาก ไม่ว่าจะเป็นฟันด้านบนหรือฟันด้านล่าง การทำรากฟันเทียมแบบติดแน่นช่วยทดแทนฟันที่สูญเสียไป ช่วยให้อัตราการละลายตัวของกระดูกบริเวณที่ฝังรากฟันเทียมช้าลง และช่วยรักษาโครงหน้าเดิมเอาไว้ได้ ด้วยนวัตกรรมด้านทันตกรรมในปัจจุบันได้มีการพัฒนาทันตกรรมรากฟันเทียมทั้งปาก ALL-ON-4ซึ่งเป็นเทคนิคการรักษาด้วยการฝังรากฟันเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกรจำนวน 4 ตัวต่อ 1 ขากรรไกร (หรืออาจจะเป็น 6 ตัวขึ้นอยู่กับคุณภาพของกระดูกรองรับฟันและดุลยพินิจของทันตแพทย์) เพื่อรองรับแผงฟันปลอมแบบติดแน่นหรือสะพานฟัน โดยมีการใช้สกรูยึดแผงฟันปลอมหรือสะพานฟันไว้กับรากฟันเทียม เพื่อไม่ให้กระดกหรือโยกไปมาเหมือนฟันปลอมชนิดถอดได้ ซึ่งเป็นการทดแทนการใช้ฟันปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


รากฟันเทียม ALL-ON-4 คืนสุขภาพฟันดีพร้อมใช้งานได้ทันที

ขั้นตอนการรักษาด้วยรากฟันเทียม ALL-ON-4

  1. การประเมินก่อนฝังรากฟันเทียม: ก่อนเริ่มการรักษา ทันตแพทย์จะซักประวัติ ตรวจสุขภาพเหงือก ประเมินกระดูกรองรับฟัน ร่วมกับการสแกนช่องปากด้วยการเอกซเรย์ (X-RAY) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 2 มิติ (Panoramic Radiograph) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติ (CT SCAN) เพื่อดูปริมาณกระดูก อวัยวะสำคัญ และตำแหน่งของเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนการฝังรากเทียม
  2. ขั้นตอนการฝังรากฟันเทียม: ทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมโดยยึดตาม CT Guided Surgery มีการออกแบบรอยยิ้มด้วยเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ Smile Design ทั้งแบบ 2D และ 3D เพื่อกำหนดตำแหน่งการฝังรากเทียม ซึ่งทันตแพทย์จะเจาะรูบริเวณเหงือกลึกลงไปถึงขากรรไกรเพื่อให้เกิดช่องว่างสำหรับการฝังรากเทียมแบบ ALL-ON-4 โดยจะฝังรากเทียม 2 รากที่ฟันด้านหน้า และ 2 รากที่ฟันซี่สุดท้ายในแนวเอียงเฉียงทำมุม 45 องศา เพื่อให้ครอบคลุมส่วนท้ายของฟันปลอมและเพื่อให้ฐานฟันมีความสมดุล แข็งแรง พร้อมรองรับแรงบดเคี้ยว แม้การวางรากเทียมในแนวปกติจะดีที่สุด แต่ในขากรรไกรบนบริเวณแก้มจะมีไซนัสที่เป็นโพรงอากาศ ซึ่งไม่มีกระดูก แล้วการฝังรากเทียมต้องฝังบริเวณกระดูก ในกรณีที่ผู้ป่วยมีไซนัสใหญ่ โพรงอากาศใหญ่ การฝังรากเทียมจึงจำเป็นต้องฝังให้เอียงเพื่อไม่ให้ทะลุกระดูก ซึ่งการจะฝังตรงหรือเอียงขึ้นอยู่กับการประเมินของทันตแพทย์และสุขภาพของผู้ป่วยเป็นสำคัญ 
  3. ขั้นตอนการใส่แผงฟันปลอมหรือสะพานฟันบนรากฟันเทียม: หลังฝังรากฟันเทียมแล้วติดแน่นเรียบร้อยดี ทันตแพทย์จะทำการใส่แผงฟันปลอมหรือสะพานฟันยึดติดบนรากฟันเทียมในวันเดียวกัน ซึ่งวัสดุที่ใช้คืออะคริลิก โดยปรับแต่งให้เหมาะสมกับช่องปากและการสบฟัน หลังจากแผลหายดีแล้วครบ 6 เดือน ทันตแพทย์จะทำการนัดหมายเพื่อตรวจประเมินอีกครั้ง หากผู้ป่วยต้องการเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ให้แข็งแรงเพิ่มขึ้นอย่างอะคริลิกผสมไทเทเนียม หรือเซอร์โคเนีย (Zirconia) สามารถแจ้งทันตแพทย์เพื่อพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งานและสุขภาพฟัน โดยในระหว่างทำการรักษาหากผู้ป่วยมีความกังวลหรือกลัวความเจ็บปวด ทางโรงพยาบาลมีทางเลือกอื่น ๆ เพื่อช่วยลดความกังวล เช่น ดมยาสลบ การให้ยาทางหลอดเลือดดำ ฯลฯโดยมีวิสัญญีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด 

ชนิดของฟันปลอมที่ใส่บนรากฟันเทียม ALL-ON-4

วัสดุสำหรับทำฟันปลอมมีให้เลือก 3 ชนิด ได้แก่

  • อะคริลิกแบบเสริมความแข็งพิเศษ
  • อะคริลิกบนโครงโลหะ
  • เซรามิกบนโครงโลหะ

โดยฟันปลอมที่ใส่ทันทีหลังฝังรากฟันเทียมมักเป็นชนิดที่ทำมาจากอะคริลิกแบบเสริมความแข็งพิเศษ มีน้ำหนักเบาและแรงกัดที่น้อยเพื่อช่วยลดแรงกระทำต่อรากฟันเทียมที่เพิ่งฝังไป เพื่อรอให้กระดูกยึดติดกับรากฟันเทียม โดยผู้ป่วยสามารถใช้ฟันปลอมชุดแรกต่อไปได้หากการใช้งานยังเป็นปกติ แต่ในบางกรณีอาจจะพิจารณาเปลี่ยนเป็นฟันปลอมชนิดอะคริลิกบนโครงโลหะหลังการฝังรากฟันเทียมไปแล้ว 6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากแข็งแรงและคงทนกว่า ในผู้ป่วยบางรายอาจพิจารณาเลือกใช้ฟันปลอมเซรามิกบนโครงโลหะ ซึ่งโครงโลหะนี้จะเชื่อมต่อกับรากฟันเทียมและมีฟันเป็นเซรามิกบนโครงโลหะอีกที ซึ่งมีข้อดีคือ มีความแข็งแรงและความสวยงาม อีกทั้งยังเคี้ยวอาหารได้เป็นอย่างดี โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้แนะนำการเลือกชนิดของวัสดุฟันปลอม ขึ้นกับลักษณะการใช้งานและความต้องการของผู้ป่วยแต่ละรายเป็นสำคัญ

นอกจากนี้ทันตแพทย์จะแนะนำรากฟันเทียม 4 หรือราก ขึ้นอยู่กับปัจจัยกระดูกของแรงกัดและชนิดของฟันปลอมที่เลือก โดยปกติขากรรไกรบนจะต้องใช้จำนวนรากฟันเทียมที่มากกว่าขากรรไกรล่าง  และหากต้องการใช้ฟันปลอมชนิดเซรามิกบนโครงโลหะที่มีความแข็งแรงและสวยงามก็อาจจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนรากฟันเทียมเป็น 5 – 6 ราก เพื่อรับน้ำหนักของโครงโลหะและเซรามิกที่ใช้ทำฟันปลอม


ข้อดีของรากฟันเทียมแบบทั้งปาก ALL-ON-4

  • ใช้รากเทียมจำนวนน้อยและเป็นฟันปลอมแบบติดแน่น
  • ทดแทนฟันและใช้งานได้ทันที ผู้ป่วยสามารถใส่รากเทียมและฟันปลอมได้ในวันเดียว ทั้งนี้สามารถทำได้ในกรณีที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยพิจารณาจากสภาพช่องปาก กระดูกขากรรไกร และปัจจัยอื่น ๆ ในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งแตกต่างกันออกไป
  • ใช้ระยะเวลาการผ่าตัดน้อย ฟื้นตัวเร็ว ลดจำนวนครั้งที่ต้องมาพบทันตแพทย์
  • หมดปัญหาฟันปลอมหลวมหรือขยับ เนื่องจากเป็นฟันปลอมแบบติดแน่น
  • มีความแข็งแรง ให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติในขณะใช้งาน เช่น บดเคี้ยว พูดคุย
  • ลดความยุ่งยากจากขั้นตอนการปลูกกระดูก
  • บูรณะฟันที่สูญเสียไปอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมบุคลิกภาพ และสร้างความมั่นใจ
  • ใช้งานได้นานจนถึงตลอดชีวิต หากดูแลรักษาอย่างถูกต้อง

รากฟันเทียม ALL-ON-4 คืนสุขภาพฟันดีพร้อมใช้งานได้ทันที

รากฟันเทียม ALL-ON-4 เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีฟันเหลือน้อยหรือสูญเสียฟันแบบทั้งปาก ทั้งฟันบนหรือฟันล่าง
  • ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องถอนฟันทั้งปาก แต่ยังต้องการใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น
  • ผู้ที่จำเป็นต้องใส่รากฟันเทียมหลายซี่
  • ผู้ที่ไม่สามารถฝังรากฟันเทียมบริเวณฟันหลังได้ 
  • ผู้ที่สูญเสียกระดูกรองรับฟัน แต่ไม่จำเป็นต้องมีการปลูกกระดูกเพิ่มเติม หรืออาจมีความจำเป็นน้อย
  • ผู้ที่ทำครอบฟันหรือสะพานฟันแล้วมีปัญหา รวมทั้งฟันโยกคลอนจนถึงขั้นจำเป็นต้องถอน

อย่างไรก็ตามวิธีการรักษานี้อาจไม่แนะนำในกรณีที่มีการสลายของกระดูกรองรับฟันไปมากและการพิจารณาการรักษาด้วยรากฟันเทียม ALL-ON-4 ขึ้นกับดุลยพินิจของทันตแพทย์


ดูแลหลังรักษารากฟันเทียม ALL-ON-4

เนื่องจากรากฟันเทียมแบบ ALL-ON-4 เป็นชนิดติดแน่นจึงไม่จำเป็นต้องถอดออกมาล้างเหมือนฟันปลอมชนิดถอดได้ ผู้ป่วยสามารถเเปรงฟันแบบปกติได้ ทดแทนการใช้ฟันปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยต้องทำความสะอาดทุกวันด้วยการฉีดน้ำไปที่ใต้ฟันปลอมด้วยเครื่องฉีดน้ำทำความสะอาดฟันและใช้ไหมขัดฟันแบบพิเศษ Superfloss วันละ 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีเศษอาหารติดอยู่ เพราะหากทำความสะอาดไม่ดี แบคทีเรียจะอยู่รอบรากฟัน ทำให้เหงือกอักเสบ มีการละลายของกระดูก สูญเสียรากเทียมไปในที่สุด นอกจากนี้การมาพบทันตแพทย์ตามนัดหมายเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อตรวจการติดแน่นของสกรูและทำความสะอาดอย่างสมบูรณ์ ซึ่งส่วนใหญ่ทันตแพทย์จะนัดหมายทุก ๆ 6 เดือน หรือแล้วแต่ความเหมาะสม


ทำไมต้องรักษาทันตกรรมรากฟันเทียม ALL-ON-4 ที่ศูนย์ทันตกรรมรากเทียมกรุงเทพ คลินิกเฉพาะทางด้านทันตกรรม

  • ทันตแพทย์เฉพาะทางที่ชำนาญและมากด้วยประสบการณ์
  • เครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัยด้วยมาตรฐานระดับสากล 
  • วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
  • ดูแลโดยทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพจากโรงพยาบาลกรุงเทพในกรณีที่มีโรคร่วม 
  • คลายกังวลระหว่างการรักษาด้วยการดมยาสลบภายใต้การดูแลของวิสัญญีแพทย์ 
  • คุณภาพรากเทียมและวัสดุฟันปลอมที่ได้มาตรฐานระดับสากล


สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกในการใส่ฟันเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป รากฟันเทียมแบบ ALL-ON-4 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากทดแทนฟันทั้งขากรรไกรและสามารถใส่ฟันปลอมได้ทันที ช่วยลดระยะเวลาการรักษาและลดการปลูกกระดูก หากได้รับการดูแลที่ถูกวิธีรากเทียมมีอายุการใช้งานยาวนานเกิน 20 ปี โดยหลักการของระบบ ALL-ON-4 เป็นการทดแทนฟันทั้งขากรรไกรโดยใช้รากเทียม 4 ราก (เป็นอย่างน้อย) โดยรากฟันเทียม 2 รากด้านหลังจะถูกฝังแนวเอียงทำมุม 45 องศามาทางด้านหน้าเพื่อใช้ประโยชน์จากกระดูกขากรรไกรด้านหน้า ซึ่งมักจะมีมากกว่าด้านหลัง อย่างไรก็ตามการฝังในแนวปกติแบบไม่เอียงอาจจำเป็นต้องปลูกกระดูกเพิ่มเติมในผู้ป่วยบางราย ภายหลังจากการฝังรากฟันเทียมทั้ง 4 จะมีเสถียรภาพเพียงพอในการรองรับฟันปลอมทั้งขากรรไกรแบบติดแน่น โดยสามารถใส่แผงฟันปลอมได้ทันที ทำให้การใช้งานฟัน เช่น การบดเคี้ยว การพูดคุย และบุคลิกดีขึ้นในทันที ที่สำคัญระยะเวลาในการรักษาโดยรวมเร็วกว่าการฝังรากฟันเทียมรูปแบบอื่น ๆ ทั้งนี้การพิจารณาการรักษาด้วยรากฟันเทียม ALL-ON-4 ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยพิจารณาจากสภาพฟันและปัจจัยอื่น ๆ ของผู้ป่วยในแต่ละราย

 

ข้อมูลโดย

Doctor Image
ดร. ทพญ. สุชาดา ก้องเกียรติกมล

ดร. ทพญ. สุชาดา ก้องเกียรติกมล

Doctor profileDoctor profile
Loading

กำลังโหลดข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติมที่

คลินิก​ทันตกรรม​กรุงเทพ

ชั้น 2 อาคารทันตกรรม (หน้าปากซอยเพชรบุรี 47)

เปิดให้บริการ ทุกวัน 09.00 - 20.00 น.