ไวรัสตับอักเสบเป็นโรคที่พบในคนไทยค่อนข้างมาก เป็นภาวะที่ตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบที่มีหลายชนิด ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบ A B C D และ E หากเป็นแล้วตับจะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เมื่อทิ้งไว้จนเรื้อรังมีโอกาสที่จะเป็นตับแข็งและร้ายแรงถึงขั้นเป็นโรคมะเร็งตับได้ ดังนั้นการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะช่วยป้องกันไวรัสตับอักเสบก่อนลุกลามและรุนแรง
รู้จักไวรัสตับอักเสบ A
ไวรัสตับอักเสบชนิด A เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด A (Hepatitis A Virus) สามารถติดต่อได้จากการรับประทานอาหาร น้ำดื่ม หรือสัมผัสสิ่งปนเปื้อนเชื้อไวรัส เมื่อเชื้อไวรัสผ่านผนังลำไส้เข้าสู่เส้นเลือดไปยังตับ ทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน มีอาการอ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว ไข้ เบื่ออาหาร และดีซ่าน อาการเกิดหลังได้รับเชื้อราว 2 – 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ สามารถหายได้เอง และสร้างภูมิต้านทานได้ แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนเกิดภาวะตับวายเฉียบพลันและเสียชีวิตได้ในที่สุด
ผู้ที่ควรรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบ A
- เด็กอายุมากกว่า 1 ปี
- ผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรัง
- ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ A หรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ A
- ผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ (กลุ่มเพศชาย)
- ผู้ที่ใช้สารเสพติด
- พ่อครัวหรือแม่ครัวที่ต้องปรุงอาหารเป็นประจำ
- ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศที่มีความเสี่ยงด้านสุขอนามัยต่ำหรือเป็นสถานที่ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสตับอักเสบ A ควรได้รับการฉีดวัคซีนก่อนเดินทางประมาณ 1 เดือน
ผู้ที่สามารถรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบ A
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
วัคซีนไวรัสตับอักเสบ A ฉีดกี่ครั้ง
- การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ A จะฉีด 2 ครั้ง โดยฉีดห่างกัน 6 – 12 เดือน
รู้จักไวรัสตับอักเสบ B
ไวรัสตับอักเสบชนิด B เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด B (Hepatitis B Virus) เป็นเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคตับเรื้อรังและมะเร็งตับที่สำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปเอเชียและแอฟริการวมทั้งประเทศไทย โดยสามารถติดต่อผ่านทางการคลอด การสัมผัสเลือดหรือแผลเปิดของผู้ติดเชื้อ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ และการใช้อุปกรณ์ที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อร่วมกัน เช่น เข็มฉีดยาหรือแปรงสีฟัน หากได้รับเชื้อแล้วจะเกิดภาวะตับอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยบางรายอาจหายเองและสร้างภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยบางรายร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้อาจกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง ตับวาย มะเร็งตับ และเสียชีวิต
ผู้ที่ควรรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B
- ทารกแรกเกิดทุกราย เด็ก และวัยรุ่นที่ไม่ได้รับวัคซีนเมื่อแรกเกิด
- ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง
- ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ B
- ผู้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ
- ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ทำการฟอกไต
- ผู้ป่วยที่ได้รับเลือดบ่อย ๆ
- ผู้ที่ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
- ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
ผู้ที่สามารถรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B
- เริ่มฉีดได้ตั้งแต่แรกเกิด
- ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
วัคซีนไวรัสตับอักเสบ B ฉีดกี่ครั้ง
- ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B ทั้งหมด 3 ครั้ง
- ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 1 – 2 เดือน
- ครั้งที่ 3 ห่างจากครั้งแรก 6 เดือน
เพราะการฉีดวัคซีนช่วยป้องกันไวรัสตับอักเสบได้อย่างเห็นผล โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบเอและไวรัสตับอักเสบบีที่อาจร้ายแรงถึงชีวิตหากป่วยเรื้อรัง จึงควรใส่ใจและเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนตามที่แพทย์กำหนด