การเทคฮอร์โมนเพื่อสร้างความเป็นชายและสร้างความเป็นหญิง ไม่ว่าจะชนิดไหนล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ จึงไม่ควรละเลยในการหาข้อมูลอย่างละเอียดและ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางอย่างใกล้ชิดเมื่อตัดสินใจเทคฮอร์โมน
ช่องทางบริหารยาฮอร์โมนมีกี่ชนิด
การเทคฮอร์โมนเพื่อข้ามเพศมี 3 ชนิด ได้แก่
- ฮอร์โมนชนิดฉีดจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
- ฮอร์โมนชนิดทาเป็นเจลทาที่บริเวณผิวหนัง
- ฮอร์โมนชนิดรับประทาน
ฮอร์โมนสร้างความเป็นชายมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
การเทคฮอร์โมนเพื่อสร้างความเป็นชาย (Masculinizing Hormone) ข้ามจากเพศหญิงไปเป็นเพศชาย ช่วยปรับเปลี่ยนสรีระให้เป็นเพศชาย ได้แก่ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) แต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ที่ได้รับความนิยมคือฮอร์โมนชนิดฉีดและเจลทาผิวหนัง ไม่แนะนำฮอร์โมนชนิดรับประทาน
ชนิดฮอร์โมน |
ข้อดี |
ข้อเสีย |
ฮอร์โมนชนิดฉีดทุก 2 สัปดาห์ |
|
|
ฮอร์โมนชนิดฉีดทุก 3 เดือน |
|
|
ฮอร์โมนชนิดทา |
|
|
ฮอร์โมนชนิดรับประทาน |
|
|
ฮอร์โมนสร้างความเป็นหญิงมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
การเทคฮอร์โมนเพื่อสร้างความเป็นหญิง (Feminizing Hormone) ข้ามจากเพศชายไปเป็นเพศหญิง ช่วยปรับเปลี่ยนสรีระให้เป็นเพศหญิง ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) แต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ที่ได้รับความนิยมคือฮอร์โมนชนิดทาและฮอร์โมนชนิดรับประทาน
ชนิดฮอร์โมน |
ข้อดี |
ข้อเสีย |
ฮอร์โมนชนิดฉีด |
|
|
ฮอร์โมนชนิดทา |
|
|
ฮอร์โมนชนิดรับประทาน |
|
|
ร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างไรหลังเทคฮอร์โมน
หลังเทคฮอร์โมนร่างกายจะค่อย ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยการเทคฮอร์โมนเพื่อสร้างความเป็นชายในผู้ชายข้ามเพศ (Transman) จะทำให้มีขนขึ้นตามร่างกาย เสียงทุ้ม ประจำเดือนขาด กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น เป็นต้น ส่วนในการเทคฮอร์โมนเพื่อสร้างความเป็นหญิงในผู้หญิงข้ามเพศ (Transwomen) จะทำให้เต้านมเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ปริมาณขนน้อยลง สรีระเล็กลง เสียงเล็กแหลม ผิวเรียบเนียนขึ้น เป็นต้น ทั้งนี้ในแต่ละคนจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแตกต่างกัน ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางและไปตามนัดหมายทุกครั้ง
ดูแลตัวตนของคุณอย่างเข้าใจ”