ร่างกายผู้สูงวัยเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น ทำให้บางครั้งต้องรับประทานยาที่ค่อนข้างหลากหลาย ได้รับการสั่งยาจากแพทย์หลายคน หรือรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่ร่างกายดูดซึมยาได้ช้าลงหรือยาที่ได้รับอาจตีกัน ส่งผลให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นการปรับยาอย่างเหมาะสมในผู้สูงวัยจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัย
ปรับลดยาในผู้สูงวัยคืออะไร
การปรับลดยาในผู้สูงวัย (Deprescribing) คือ การวางแผนลดขนาดยาที่อาจเป็นอันตราย ไม่เหมาะสม ไม่ได้ผล หรือไม่จำเป็นต่อร่างกายผู้สูงวัย โดยแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้ตรวจประเมินและให้คำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อให้ผู้สูงวัยได้รับยาที่เหมาะสมทั้งชนิดและปริมาณ ซึ่งต้องค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนเพื่อลดความเสี่ยงจากอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้สูงวัย ช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพ ส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
เป้าหมายของการปรับลดยาในผู้สูงวัย
- ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย
- ลดความเสี่ยงจากกลุ่มอาการผิดปกติในผู้สูงวัย
- แก้ไขปัญหาจากอาการไม่พึงประสงค์ของยา
- มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นระยะยาว
แนวคิดสีรุ้งช่วยปรับลดยาในผู้สูงวัยคืออะไร
การปรับลดยาในผู้สูงวัยด้วยแนวคิดสีรุ้ง (Deprescribing Rainbow) จะใช้รุ้งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงมิติหลายด้านที่ต้องพิจารณาในการลดหรือหยุดการใช้ยาในผู้สูงวัยอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย
Clinical (มิติทางคลินิก – สีแดง)
- ประโยชน์ของยาเมื่อเทียบกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- ระยะเวลาที่คาดว่าจะเห็นผล
- อาการที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย
- การพยากรณ์โรคของผู้ป่วย
- ข้อพิจารณาทางจริยธรรม
Psychological (มิติทางจิตวิทยา – สีส้ม)
- การทำงานของระบบการรับรู้
- ความเชื่อและทัศนคติของผู้ป่วยเกี่ยวกับยาและโรค
- ความสามารถในการตัดสินใจของผู้ป่วย
- ปัญหาสุขภาพจิตของผู้ป่วย
Social (มิติทางสังคม – สีเหลือง)
- การสนับสนุนจากครอบครัวและผู้ดูแล
- ผลกระทบของการใช้ยาในชีวิตประจำวัน
- บริบททางสังคมของผู้ป่วย
Financial (มิติทางการเงิน – สีเขียว)
- ประกันสุขภาพ
- ค่ายาและค่ารักษา
- ทรัพยากรที่มีอยู่
Physical (มิติทางกายภาพ – สีฟ้า)
- ความสามารถของผู้ป่วยในการใช้ยา เช่น การกลืนยา
- ภาวะทางสุขภาพโดยรวม
- ความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของยา
Deprescribing Rainbow เป็นแนวคิดปรับลดยาในผู้สูงวัยที่ช่วยให้แพทย์เฉพาะทางพิจารณาในทุกมิติเพื่อลดหรือหยุดการใช้ยา โดยใช้สีของสายรุ้งเป็นตัวแทนแต่ละมิติเพื่อให้การหยุดยาปลอดภัยและมีประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย
ลดการสั่งยาในผู้สูงวัยได้อย่างไร
- ลดการสั่งยาเชิงรับ (Reactive Deprescribing) ลดหรือหยุดการใช้ยาหลังจากเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาแล้ว
- ลดการสั่งยาเชิงป้องกัน (Proactive Deprescribing) ทบทวนรายการยาสม่ำเสมอ ช่วยให้หยุดการใช้ยาก่อนเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยา
หลักการใช้ยาในผู้สูงวัยเป็นอย่างไร
- ยาทุกชนิดที่ผู้สูงวัยรับประทานต้องมีแพทย์เป็นผู้สั่งยาเท่านั้น
- ควรใช้ยาในปริมาณที่ต่ำก่อนแล้วค่อยปรับเพิ่มขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์
- หากลืมรับประทานยาควรงดยาในมื้อนั้นและเริ่มยาในมื้อต่อไป
- ระวังยาที่ออกฤทธิ์ต่อสมอง เช่น ยานอนหลับ ยาต้านอาการซึมเศร้า ยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด
- หากต้องการใช้ยาอื่น ๆ นอกจากยาที่แพทย์สั่ง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
- ถ้ามีอาการแพ้ยาหรือปัญหาจากการใช้ยาควรแจ้งแพทย์ทันที
ประเมินการหยุดใช้ยาได้อย่างไร
แพทย์เฉพาะทางจะทำการประเมินความเป็นไปได้ของการหยุดใช้ยาในผู้สูงอายุ ได้แก่
- ประโยชน์จากการใช้ยาในผู้สูงวัย ทบทวนข้อบ่งชี้ โรคหรืออาการผ่านการตรวจวินิจฉัยถูกต้องแล้วหรือไม่
- อันตรายจากการใช้ยาในผู้สูงวัย ทบทวนประโยชน์ที่ได้รับจากยา ต้องไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ความจําเป็นของการใช้ยา ทั้งการบรรเทาอาการ การรักษาโรค การป้องกันโรค
ในบางกรณีที่แพทย์พิจารณาให้หยุดยาทันที ยาบางชนิดเมื่อหยุดใช้ยาอาจเกิดอาการถอนยา ต้องค่อย ๆ ลดการใช้ยา และเฝ้าระวังอาการถอนยาจนกระทั่งหยุดยาได้
แพทย์ที่ชำนาญการดูแลยาในผู้สูงอายุ
พญ.พัณณิดา วัฒนพนม อายุรแพทย์ผู้ชำนาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ
สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง
โรงพยาบาลที่ชำนาญด้านการดูแลยาในผู้สูงอายุ
ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์กรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมให้การดูแลปรับยาในผู้สูงวัยให้เหมาะสมกับร่างกาย โดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ พยาบาล และทีมสหสาขาที่พร้อมดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว