รู้หรือไม่ว่าการบาดเจ็บที่ศีรษะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญที่สุดของผู้ป่วยบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทุกประเภท เพราะฉะนั้นการรู้ระวังเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะเป็นเรื่องสำคัญ
บาดเจ็บศีรษะ
การบาดเจ็บที่ศีรษะเป็นการบาดเจ็บที่เกิดจากแรงที่เข้ามากระทบต่อศีรษะและร่างกาย ทำให้เกิดความบาดเจ็บต่อหนังศีรษะ กะโหลก ศีรษะ สมอง และเส้นประสาทสมอง อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับความรู้สึกตัว
ต้นเหตุการบาดเจ็บที่ศีรษะ
สาเหตุการบาดเจ็บที่ศีรษะมักเกิดจาก
- อุบัติเหตุจากการจราจร
- อุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม
- ถูกทำร้าย
ระดับการบาดเจ็บที่ศีรษะ
- บาดเจ็บศีรษะเล็กน้อย มีอาการดังต่อไปนี้
- ปวดศีรษะเล็กน้อย
- คิดช้า พูดช้า อ่านช้าลง
- ไม่มีสมาธิ ยากในการจดจำสิ่งต่าง ๆ
- มีปัญหาการตัดสินใจและแก้ปัญหา
- เวียนศีรษะ เสียการทรงตัว
- รูปแบบการนอนเปลี่ยนไป นอนหลับยากหรือนอนหลับมากเกินไป
- อารมณ์เปลี่ยน อาทิ เศร้า วิตกกังวลง่าย โกรธง่าย
- สายตาเบลอหรืออ่อนล้าง่าย
- บาดเจ็บศีรษะปานกลางหรือรุนแรง อาจมีอาการเหมือนบาดเจ็บศีรษะเล็กน้อยและอาการดังต่อไปนี้ ควร ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- ปวดศีรษะรุนแรง
- มึนศีรษะแล้วไม่ดีขึ้น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ชัก เกร็ง กระตุกกล้ามเนื้อ
- ซึมลง
- หมดสติ
- พูดไม่ชัด
- แขนขาอ่อนแรง ชา
- สับสน กระสับกระส่าย
- ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด เห็นภาพซ้อน
- ปลุกไม่ตื่น เรียกไม่ค่อยรู้สึกตัว
ตรวจวินิจฉัย
หากบาดเจ็บที่ศีรษะและมีอาการรุนแรงจนต้องมาพบแพทย์ การตรวจวินิจฉัยมีหลายวิธี ได้แก่
- เอกซเรย์กะโหลกศีรษะและอวัยวะอื่น ๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT Brain)
- เอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
- เอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-Ray)
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
การรักษาเมื่อบาดเจ็บที่ศีรษะ
แพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้ประเมินวิธีการรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บที่ผู้ป่วยได้รับ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติร่วมกันตัดสินใจ ในบางรายอาจพบแพทย์เพื่อติดตามอาการ บางรายต้องสังเกตการอย่างใกล้ชิด บางรายต้องเข้ารับการผ่าตัด โดยในช่วงแรกของการรักษาจะเน้นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ
- ป้องกันอุบัติเหตุจากการจราจร ได้แก่
- คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับหรือนั่งรถ
- สวมหมวกกันน็อกขณะขับขี่หรือซ้อนท้ายรถ
- หมั่นตรวจระบบเบรก ยาง ระบบส่องสว่างให้สมบูรณ์อยู่เสมอ
- ห้ามขับขี่ยานพาหนะเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด
- เลี่ยงเส้นทางที่อาจเกิดอุบัติเหตุ
- จดจำสัญญาณจราจรที่สำคัญ
- เมาไม่ขับเด็ดขาด
- หากง่วง เหนื่อยล้าให้จอดพัก
- ระมัดระวังมีสติทุกครั้งที่ขับขี่
- ป้องกันพลัด ตก หกล้ม ได้แก่
- ออกกำลังกายให้เหมาะกับสมรรถภาพร่างกายตามคำแนะนำของแพทย์
- จัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น
- วางของให้เป็นระเบียบ
- ไม่วางของบนพื้นหรือขั้นบันได
- วางของที่ใช้บ่อยไว้ใกล้มือ
- บันไดมีราวจับทั้งสองฝั่ง
- ปูพื้นกันลื่นในห้องน้ำ
- มีราวจับในห้องน้ำ
- ห้องนอนมีแสงสว่างที่เพียงพอ
- สวิตช์เปิดปิดได้ง่าย
- สวมรองเท้าทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
- ไม่สวมเสื้อผ้ายาวรุ่มร่ามเกินไป
- ตรวจเช็กสายตา อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะสายตาที่แย่ลง มองเห็นไม่ชัดเจน อาจเพิ่มโอกาสล้มได้
- การใช้ยา ต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น เพราะยาบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด ใจสั่น เวียนศีรษะ เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่ต้องระลึกอยู่เสมอคืออาการบาดเจ็บที่ศีรษะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาแบบทันทีทันใดแนะนำให้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินให้ติดต่อได้ง่ายหากเกิดเหตุควรรีบส่งต่อผู้ป่วยให้แพทย์ทันทีเพราะยิ่งเร็วยิ่งลดความเสี่ยงยิ่งเพิ่มโอกาสในการรักษา