ริดสีดวงเกิดจากหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่ง พอง โดยแบ่งออกเป็นริดสีดวงทวารภายใน และริดสีดวงทวารภายนอก หากขับถ่ายแล้วเลือดไหลไม่หยุด มีปริมาณมาก หรือมีอาการปวดทวารหนักร่วมด้วย ไม่ควรชะล่าใจ เพราะอาจบ่งบอกว่าริดสีดวงแตก ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็ว
รู้จักริดสีดวงแตก
ริดสีดวงแตกมักเกิดจากการเบ่งที่แรงเกินไปขณะขับถ่าย ทั้งจากท้องผูกและท้องเสีย ทำให้หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักพองจนแตก โดยริดสีดวงแตกส่วนใหญ่มักเป็นริดสีดวงทวารภายนอกที่มีลิ่มเลือดคั่งอยู่ด้านใน
อาการริดสีดวงแตก
อาการที่สังเกตได้ชัดเจนหากริดสีดวงแตกได้แก่
- คลำได้ก้อนแข็งบริเวณทวารหนักนำมาก่อน
- เลือดไหลไม่หยุด
- อาจมีเลือดไหลปริมาณมาก
- เจ็บ ปวด แสบบริเวณรูทวารหนัก
ความรุนแรงเมื่อริดสีดวงแตก
เมื่อริดสีดวงแตกแล้วมีเลือดไหล อย่าวางใจ เพราะหากไม่รีบรักษา อาจทำให้เลือดไหลปริมาณมาก จนมีอาการหน้ามืดเป็นลมหมดสติได้ จึงควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเลือดที่ออกจากทวารหนักมาจากริดสีดวง หรือสาเหตุอื่น เช่น เนื้องอกบริเวณลำไส้ตรง (หรือลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย) เนื่องจากสองโรคนี้มีอาการคล้ายคลึงกันจนบางครั้งไม่สามารถแยกออกจากกันได้ชัดเจน
รับมือเมื่อริดสีดวงแตก
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อริดสีดวงแตกสามารถทำได้โดย
- ใช้ผ้าสะอาดมารองหรือใส่ผ้าอนามัยเพื่อกดเบา ๆ เพื่อหยุดเลือด
- ประคบเย็นรอบริดสีดวงทวาร หรือแช่ก้นด้วยน้ำเย็น เพื่อลดการอักเสบ และอาจช่วยให้เลือดหยุดไหล
ในกรณีที่เลือดไหลไม่หยุด หรือมีอาการใจสั่น หน้ามืด มือเท้าชา หรือเย็น ควรรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อตรวจวินิจฉัย และทำการรักษาอย่างถูกวิธี
รักษาริดสีดวงแตก
ถ้าริดสีดวงแตก ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นริดสีดวงทวารภายนอกบริเวณผิวหนัง แล้วมีเลือดออกมากผิดปกติ แพทย์มักทำการรักษาด้วยการผ่าตัดริดสีดวง (Hemorrhoidectomy) เป็นการผ่าตัดบริเวณทวารหนักและตัดเอาริดสีดวงออก โอกาสกลับมาเป็นซ้ำน้อย ซึ่งการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ ผู้ป่วยอาจเลือกไม่ต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลได้ (Day Surgery) ผ่าตัดแล้วสามารถกลับบ้านได้ ฟื้นตัวไว
ป้องกันริดสีดวงแตก
- หลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระแรง
- อย่านั่งโถส้วมนานเกินไป
- ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 – 10 แก้ว
- เน้นรับประทานอาหารที่มีกากใยอย่างผักผลไม้
- พบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตามหากริดสีดวงแตกมีเลือดไหลมากหรือไหลไม่หยุดแนะนำให้รีบพบแพทย์ผู้ชำนาญการโดยเร็วที่สุดเพราะการวินิจฉัยแยกโรคตั้งแต่ระยะแรกเริ่มมีความสำคัญมากทำให้รักษาได้ตรงตำแหน่งและช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ปัจจุบันการรักษาริดสีดวงมีเครื่องมือที่ทันสมัยและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ป่วยหายจากโรคเจ็บน้อยฟื้นตัวไวลดภาวะแทรกซ้อนและโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ