เตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัดกระเพาะรักษาโรคอ้วน

4 นาทีในการอ่าน
เตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัดกระเพาะรักษาโรคอ้วน

การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหาร ช่วยรักษาโรคอ้วนได้อย่างเห็นผล แต่จำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัดเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


การผ่าตัดกระเพาะอาหารคืออะไร

การผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Bariatric Surgery) คือ การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง และลดการดูดซึมของอาหารในกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายนำไขมันส่วนเกินสลายไปเป็นพลังงาน เพราะในกระเพาะอาหารมีฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความอยากอาหาร การผ่าตัดกระเพาะอาหารให้เล็กลงช่วยตัดฮอร์โมนชนิดนี้ทิ้งจึงลดความอยากอาหารลงไป น้ำหนักจึงค่อย ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง


การผ่าตัดกระเพาะอาหารเหมาะกับใคร

ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีดัชนีมวลกายสูงกว่า 32.5 กก./ตร..

  • ผู้ป่วยโรคอ้วนที่ลดน้ำหนักไม่ได้ผลทั้งที่ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย
  • ผู้ที่ไม่มีข้อห้ามในการผ่าตัดและไม่ป่วยจิตเวช


แนวทางการผ่าตัดกระเพาะอาหารรักษาโรคอ้วน

  1. ผ่าตัดผ่านกล้องลดขนาดกระเพาะอาหาร (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy) แพทย์จะทำการผ่าตัดปรับรูปร่างของกระเพาะอาหารให้เหมือนผลกล้วยหอม ซึ่งต้องตัดกระเพาะอาหารและบริเวณที่ผลิตฮอร์โมนควบคุมความหิวออกไป โดยจะใช้การผ่าตัดผ่านกล้องบริเวณหน้าท้องแล้วใส่เครื่องมือผ่าตัดที่ทั้งตัดและเย็บกระเพาะอาหารได้พร้อมกัน การรักษาวิธีนี้แผลผ่าตัดกระเพาะอาหารจะมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
  2. ผ่าตัดผ่านกล้องลดขนาดกระเพาะอาหารและทำบายพาส (Laparoscopic Gastric Bypass) แพทย์จะผ่าตัดแยกกระเพาะอาหารให้ขนาดเล็กลงเป็นรูปกระเปาะ ก่อนบายพาสต่อกับลำไส้เพื่อเปลี่ยนเส้นทางลำไส้และลดการดูดซึมอาหาร ทำให้ผู้ป่วยรับประทานได้น้อยลง

เตรียมตัวก่อนผ่าตัดกระเพาะอาหารอย่างไร

ก่อนเข้ารับการผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

  1. ตรวจร่างกายโดยละเอียด เช่น ตรวจเลือด, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์, ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, ตรวจสมรรถภาพปอด เป็นต้น
  2. ส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารให้มั่นใจว่าไม่มีความผิดปกติใด ๆ ของกระเพาะอาหารก่อนที่จะทำการผ่าตัด
  3. เตรียมความพร้อมด้านโภชนาการจากนักกำหนดอาหาร โดยจะประเมินและปรับการรับประทานอาหารหลังทำการผ่าตัด
  4. ทดสอบสภาพจิตใจกับนักจิตวิทยาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีโรคทางจิตเวชสำคัญที่ห้ามการผ่าตัดและเตรียมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังผ่าตัด
  5. ประเมินภาวะโรคที่มีความเสี่ยงก่อนผ่าตัดเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
  6. ตรวจการนอนหลับ STOP – BANG และตรวจวินิจฉัยการนอนหลับ Sleep Test
  7. เรียนรู้วิธีออกกำลังก่อนและหลังผ่าตัดอย่างถูกต้องกับแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
  8. งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 4 สัปดาห์
  9. งดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัด 6 – 8 ชั่วโมง ถ้าต้องรับประทานยาให้เป็นไปตามที่แพทย์สั่ง
  10. หากไม่แน่ใจว่าตั้งครรภ์ควรแจ้งแพทย์และพยาบาล
  11. ถ้าอยู่ในระหว่างรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ควรปรึกษาแพทย์ว่าสามารถรับประทานชนิดใดและต้องหยุดชนิดใดก่อนผ่าตัด
  12. กรุณาแจ้งแพทย์หากรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือมีประวัติการเจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคหลอดเลือด
  13. ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับยาฉีดป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันก่อนการผ่าตัดกระเพาะอาหาร 12 ชั่วโมง

ดูแลหลังผ่าตัดกระเพาะอาหารอย่างไร

หลังเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยควรดูแลตนเองดังต่อไปนี้

  1. รับสารอาหารและน้ำทางสายน้ำเกลือจนกว่าจะรับประทานอาหารเองได้
  2. ใส่ปลอกสวมขาเพื่อป้องกันภาวะแข็งตัวในเส้นเลือดดำ โดยถอดออกเมื่อผู้ป่วยขยับตัวได้เอง และเมื่อขยับตัวได้ควรเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายโดยเร็ว เพื่อให้ทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติภายใน 2 – 3 วัน
  3. หากมีอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ปรึกษาแพทย์ทันที เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ > 120 ครั้งต่อนาที, มีไข้ 37.8 องศาเซลเซียส หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
  4. ควบคุมอาหารตามที่นักกำหนดอาหารวางแผนและให้คำปรึกษาอย่างเคร่งครัด
  5. การรับประทานอาหารหลังผ่าตัดแบ่งออกเป็น
    • หลังผ่าตัดสัปดาห์แรกรับประทานได้เฉพาะอาหารเหลวครั้งละน้อยๆแต่บ่อยได้แก่เครื่องดื่มที่ไม่อัดลมและไม่เติมน้ำตาลซุปใสน้ำผักน้ำผลไม้โยเกิร์ตเป็นต้น
    • หลังผ่าตัดสัปดาห์ที่ 3 รับประทานอาหารชิ้นเล็ก ๆ โดยดื่มน้ำก่อนทานอาหาร 15 – 30 นาที เช่น ข้าวต้ม เป็นต้น เพื่อเตรียมปรับสู่การรับประทานอาหารปกติ โดยรับประทานปริมาณน้อย เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
  6. สามารถเริ่มออกกำลังเบา ๆ ได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 หลังการผ่าตัด และงดยกของหนัก 3 เดือน
  7. พบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัดเพื่อตรวจเช็กร่างกาย
  8. หากมีอาการผิดปกติหรือคำถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อที่ Call Cancer โทร. 1719

 

photo

ปฏิบัติตัวอย่างไรหลังผ่าตัดกระเพาะอาหาร

  • รับประทานอาหาร 3 มื้อต่อวัน ห้ามรับประทานจุบจิบ
  • หยุดรับประทานทันทีที่รู้สึกอิ่ม
  • ตัดอาหารชิ้นเล็ก เคี้ยวให้ละเอียดจนเหลวก่อนรับประทาน
  • ดื่มน้ำเปล่าระหว่างมื้อบ่อย ๆ โดยจิบน้ำทีละน้อยเพื่อป้องกันขาดน้ำ ไม่ควรดื่มน้ำก่อนและหลังอาหาร 30 นาที
  • จำกัดปริมาณน้ำตาล 15 กรัม หรือน้อยกว่าต่อ 1 มื้อ
  • ไม่ควรดื่มน้ำอัดลม กาแฟ น้ำผลไม้ น้ำหวาน
  • เน้นรับประทานอาหารโปรตีนสูงอย่างเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
  • เลี่ยงอาหารประเภทแป้งและไขมัน
  • เสริมวิตามินและแร่ธาตุตามคำแนะนำของแพทย์
  • ออกกำลังกายครั้งละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 ครั้ง

ผ่าตัดกระเพาะข้อเสียมีหรือไม่

ผลเสียของการผ่าตัดกระเพาะอาหาร คืออาจต้องเผชิญกับภาวะขาดวิตามิน เพราะผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อยลงจึงได้รับวิตามินและแร่ธาตุน้อยลง รวมถึงการดูดซึมอาหารที่ไม่ดีดังเดิม ทั้งนี้ก่อนผ่าตัดกระเพาะอาหารควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยแพทย์เฉพาะทางและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด


โรงพยาบาลที่ชำนาญการผ่าตัดกระเพาะที่ไหนดี

ศูนย์ผ่าตัดและรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมให้การดูแลรักษาโรคอ้วนและการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วน ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากด้วยประสบการณ์และทีมสหสาขาที่พร้อมดูแลให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ผู้ป่วยมั่นใจในการรักษา กลับมามีสุขภาพดีในระยะยาว


แพทย์ที่ชำนาญการผ่าตัดกระเพาะอาหารรักษาโรคอ้วน

ศาสตราจารย์นายแพทย์สุเทพ อุดมแสวงทรัพย์ ศัลยแพทย์ส่องกล้องและผ่าตัดโรคอ้วน ศูนย์ผ่าตัดและรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลกรุงเทพ

สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง


แพ็กเกจการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน

แพ็กเกจการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ราคา 560,000 บาท

คลิกที่นี่ 

ข้อมูลโดย

Doctor Image
นพ. สุเทพ อุดมแสวงทรัพย์

เวชศาสตร์ครอบครัวศัลยศาสตร์

นพ. สุเทพ อุดมแสวงทรัพย์

เวชศาสตร์ครอบครัวศัลยศาสตร์

Doctor profileDoctor profile
Loading

กำลังโหลดข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์ผ่าตัดและรักษาโรคอ้วน

ชั้น 1 อาคาร D โรงพยาบาลกรุงเทพ

เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ดูแพทย์ทั้งหมด