สมาร์ทไลฟ์ นวัตกรรมคอมพิวเตอร์ฝังรากฟันเทียม

3 นาทีในการอ่าน
สมาร์ทไลฟ์ นวัตกรรมคอมพิวเตอร์ฝังรากฟันเทียม

เมื่อผู้ป่วยได้รับการถอนฟันและต้องได้รับการใส่ฟันทดแทน บางคนอาจไม่มั่นใจ เพราะกลัวว่าจะหลุดบ้าง กลัวเสียบุคลิกบ้าง สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะปัจจุบันมีวิธีการที่จะช่วยลดความไม่มั่นใจ และทำให้ผู้ป่วยที่สูญเสียฟันสามารถกลับมาใช้งานฟันซี่นั้นได้เป็นปกติอีกครั้ง ด้วยการใส่หรือฝังรากฟันเทียม


“รากฟันเทียม” คืออะไร

รากฟันเทียมเป็นวัสดุอาจเป็นไทเทเนียมหรือเซรามิกที่ประดิษฐ์ขึ้นมาแทนรากฟัน โดยทำให้มีลักษณะคล้ายสกรูใส่เข้าไปในขากรรไกร เพื่อเป็นหลักยึดครอบฟันสะพานฟัน หรือฟันปลอมถอดได้ทั้งปากเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป

จุดประสงค์ของรากฟันเทียมทำขึ้นเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยใช้รากฟันเทียมยึดครอบฟันหรือสะพานฟันให้เป็นฟันที่ติดแน่นในปาก หรือใช้ยึดฟันปลอมถอดได้ ช่วยให้ฟันปลอมถอดได้มีการยึดที่แน่นขึ้น ไม่หลวมหลุดง่าย

สำหรับการรักษาด้วยการใส่รากฟันเทียมจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3 – 6 เดือน โดยระยะเวลาและจำนวนครั้งในการมารับการรักษาขึ้นกับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณและคุณภาพของกระดูกขากรรไกร จำนวนฟันที่ต้องการทำรากฟันเทียม เป็นต้น


ในการทำรากฟันเทียมเพื่อรักษาฟันที่สูญเสียไป ขั้นตอนที่ทันตแพทย์ใส่รากฟันเทียมในตำแหน่งที่เหมาะสมนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก วิธีการที่ใช้โดยทั่วไปคือการพิมพ์ปากผู้ป่วยและนำภาพถ่ายรังสีมาประกอบการวางแผนในการกำหนดตำแหน่งของรากฟันเทียม ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของทันตแพทย์เป็นหลัก


img

รู้จัก Computer Guided Implant Surgery

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้การใส่รากฟันเทียมตรงตามตำแหน่งที่ถูกต้องมากขึ้น เรียกว่า Computer Guided Implant Surgery ที่ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการนำภาพถ่ายรังสีและภาพถ่ายในช่องปาก หรือภาพถ่ายของแบบพิมพ์ฟันมาช่วยกำหนดตำแหน่งของรากฟันเทียม ช่วยให้ทันตแพทย์สามารถเห็นรายละเอียดของจุดที่ต้องการฝังรากฟันเทียมได้ครบถ้วน สอดคล้องกับความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ทำให้ทันตแพทย์สามารถกำหนดตำแหน่งรากฟันเทียมได้ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์และถ่ายทอดตำแหน่งนั้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์สู่ตำแหน่งของรากฟันเทียมจริง ๆ ในช่องปากได้ตรงจุดยิ่งขึ้น

Computer Guided Implant Surgery เป็นกระบวนการการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีทางภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิติ (Cone – BeamCT) ช่วยในการวางแผนและกำหนดตำแหน่งรากฟันเทียม โดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์นี้จะช่วยนำภาพถ่ายช่องปากหรือภาพถ่ายของแบบพิมพ์ฟันมาประกอบเข้ากับภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิติ ทำให้เห็นความสัมพันธ์ของกระดูกตำแหน่งของฟันและอวัยวะสำคัญอื่น ๆ เช่น เส้นประสาท ไซนัสแบบเสมือนจริง จะช่วยให้เลือกขนาดรากฟันเทียมและกำหนดตำแหน่งได้เหมาะสม สอดคล้องกับตำแหน่งฟันที่จะใส่ทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


img

ขั้นตอนการรักษา Computer Guided Implant Surgery

สำหรับขั้นตอนของ Computer Guided Implant Surgery จะเริ่มจากตรวจสภาพช่องปากว่ามีความเหมาะสมกับการทำรากฟันเทียมหรือไม่ โดยการถ่ายภาพรังสีแบบ 3 มิติ และเริ่มวางแผนการรักษา โดยเลือกขนาด จำนวน ความยาวราก ฟันที่เหมาะสม ดูปัจจัยอื่นร่วม เช่น ปริมาณกระดูกคนไข้ฟันคู่สบ จำนวนฟันที่หายไป และแจ้งแผนการรักษาให้คนไข้ทราบ ส่วนใหญ่แล้วการฝังรากฟันเทียม ตามตำแหน่งที่เหมาะสมตามที่วางแผนไว้ต้องรอให้กระดูกของคนไข้ยึดติดกับรากฟันเทียมให้แน่นหนาก่อน ประมาณ 2 – 6 เดือน

ในการฝังรากฟันเทียม หลังจากทันตแพทย์ได้เห็นสภาพในช่องปากอย่างละเอียดแล้วก็จะทำการฝังรากฟันเทียม โดยใช้อุปกรณ์กำหนดตำแหน่งรากฟันเทียมเข้าช่วย ซึ่งจะทำให้สามารถลดระยะเวลาการผ่าตัดลงไปได้มาก หลังจากฝังรากฟันเทียมประมาณ 2 – 3 เดือน ทันตแพทย์จะเริ่มขั้นตอนการทำครอบฟันหรือฟันปลอมบนรากฟันเทียม ซึ่งจะต้องพิจารณาคุณภาพและปริมาณของกระดูกและเริ่มกระบวนการทำครอบฟันหรือสะพานฟัน ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของผู้ป่วยในแต่ละการรักษา


ข้อดีของ Computer Guided Implant Surgery

ข้อดีของ Computer Guided Implant Surgery ที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้ทันตแพทย์สามารถวางแผนการรักษารากฟันเทียมได้ตรงจุด ลดระยะเวลาในการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เพราะตำแหน่งถูกกำหนดมาแล้วทำให้สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น ลดความผิดพลาดของตำแหน่งรากฟันเทียม รับทราบข้อมูลสำคัญในการวางแผนได้อย่างเหมาะสม ผู้ป่วยบางรายที่สภาพกระดูกแข็งแรง มีปริมาณกระดูกที่เหมาะสม สามารถใส่รากฟันเทียมได้ทันที หรือภายใน 1 สัปดาห์หลังฝังรากฟันเทียม นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเรื่อง Maintenance ดูแลหลังจากครอบฟัน คือ หลังจากที่ใส่ครอบฟันแล้ว คนไข้อาจเกิดจากการเคี้ยว หรืออุบัติเหตุอื่น ๆแล้วครอบฟันแตกหรือหลุด ทันตแพทย์สามารถดูไฟล์ที่เก็บในคอมพิวเตอร์และผลิตครอบฟันอันใหม่ขึ้นมาได้ โดยที่คนไข้ไม่ต้องกลับเก็บข้อมูลทำเรื่องครอบฟันใหม่ทำให้คนไข้สะดวกและประหยัดเวลามากขึ้น


นอกจากนี้การทำรากฟันเทียมจะให้ความสวยงาม เสมือนธรรมชาติ เพราะสามารถกำหนดขนาดฟันที่เหมาะสมได้ อย่างไรก็ตามหลังฝังรากฟันเทียมแล้ว ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลฟันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การแปรงฟันให้สะอาด ใช้ไหมขัดฟันทุกครั้ง หลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งเกินไป เช่น กระดูกอ่อน และมาพบทันตแพทย์ตามเวลาที่กำหนดทุก 3 หรือ 6 เดือน

Loading

กำลังโหลดข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์ทันตกรรมรากเทียมกรุงเทพ คลินิกเฉพาะทางด้านทันตกรรม

ชั้น 2 อาคารทันตกรรม (หน้าปากซอยเพชรบุรี 47)

เปิดบริการ ทุกวัน 09.00 - 20.00 น.

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ดูแพทย์ทั้งหมด