การฟื้นฟูโดยใช้หุ่นยนต์ฝึกเดิน Robotic Gait Training
หุ่นยนต์ฝึกเดิน Robotic Gait Training
Robotic assisted gait training (Walkbot) เป็นหุ่นยนต์ช่วยฝึกเดินสำหรับผู้ที่มีรูปแบบการเดินผิดปกติ โดยอ้างอิงจากรูปแบบการเดินพื้นฐานที่บันทึกไว้ในระบบสั่งการทำงาน ก่อนที่ผู้ป่วยจะสวมใส่หุ่นยนต์ ต้องบันทึกข้อมูลทางกายภาพของผู้ป่วยเข้าสู่ระบบสั่งการ เพื่อปรับความยาวขาของหุ่นยนต์ตามข้อมูลสรีระของผู้ป่วย การก้าวเท้าจะถูกกำหนดเป็นหน่วยเซนติเมตรและความเร็วของลู่เดินจะถูกกำหนดเป็นหน่วยกิโลเมตรต่อชั่วโมง
ผู้ป่วยจะต้องสวมใส่เสื้อนิรภัยทุกครั้งก่อนติดตั้งอุปกรณ์สร้างระบบน้ำหนักย้อนกลับโดยระบบน้ำหนักย้อนกลับเป็นระบบที่ช่วยในการพยุงน้ำหนักตัวของผู้ป่วยขณะเดินและเพื่อความปลอดภัยหุ่นยนต์จะหยุดทำงานทันทีเมื่อเกิดแรงดึงการชักกระตุกและแรงต้านเกินรับได้ขณะที่ฝึกเดินหากเกิดความผิดปกติผู้ป่วยหรือนักกายภาพบำบัดสามารถจบการฝึกโดยการใช้ปุ่มหยุดฉุกเฉินที่วางบนบาร์ขนานได้ทันที
กลุ่มที่ใช้หุ่นยนต์ฝึกเดิน
การใช้หุ่นยนต์ฝึกเดิน (Robotic assisted gait training) เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินได้จากระบบประสาทสั่งการ ระบบกล้ามเนื้อ หรือกระดูกที่ผิดปกติ ได้แก่
- หลอดเลือดสมอง (Stroke)
- ภาวะสมองพิการ (Cerebral palsy: CP)
- พาร์กินสัน (Parkinson’s Disease)
- ภาวะขาอ่อนแรงทั้งสองข้าง (Paraplegia: SCI)
- อัมพาตครึ่งซีก (Hemiplegic patients)
- อัมพาตครึ่งล่าง (Paraplegic patients)
- ปลอกประสาทอักเสบ (Multiple sclerosis: MS)
- ภาวะบาดเจ็บสมอง (Traumatic brain injury: TBI)
- ใส่ข้อเทียมโลหะทดแทน (Endoprosthesis e.g. total hip endoprostheses)
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle weakness due to lack of mobility)
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงในเด็ก (Spinal muscular atrophy: SMA)
- ข้อเสื่อม (Degenerative joint disease of the lower limbs)
เตรียมตัวก่อนใช้หุ่นยนต์ฝึกเดิน
- การรักษาโดยหุ่นยนต์ฝึกเดินใช้เวลาประมาณ 45 นาที / ครั้ง
- ใส่เสื้อผ้ารัดกุม ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหว ไม่หลวมหรือกระชับจนเกินไป
- อุปกรณ์สวมใส่สำหรับเข้ารับการรักษา ได้แก่ รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ ถุงเท้ายาว กางเกงขายาว
- พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการรักษาโดยหุ่นยนต์ฝึกเดิน
- แนะนำให้รักษากับหุ่นยนต์ฝึกเดินหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 30 นาที เพื่อป้องกันอาการข้างเคียงระหว่างการรักษา เช่น จุกเสียด คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ และห้ามรับประทานอาหารระหว่างการฝึกเดิน
- แจ้งนักกายภาพบำบัดทันทีหากมีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยมาก คลื่นไส้ หน้ามืด เจ็บหน้าอก ใจสั่น เวียนศีรษะ ปวดปัสสาวะหรือปวดอุจจาระ เป็นต้น
ข้อห้ามการใช้หุ่นยนต์ฝึกเดิน
- มีน้ำหนักเกิน 135 กิโลกรัม
- เพิ่งผ่านการรักษาการหดตัวของกล้ามเนื้อ
- กระดูกไม่แข็งแรง
- บาดเจ็บเป็นแผลที่ช่วงล่างและสะโพก
- มีปัญหาในระบบไหลเวียนเลือด
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- ความผิดปกติในการรับรู้ขั้นรุนแรง ไม่ร่วมมือหรือต่อต้าน
- ผู้ป่วยที่ให้สารทางหลอดเลือดเป็นเวลานาน
- ผู้ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
- ผู้ที่มีการเติบโตของขาและสันหลังผิดรูปร่างอย่างมาก (กระดูกหรือไขกระดูกเติบโตผิดปกติ)
- ผู้ที่มีปัญหาด้านหลอดเลือดช่วงล่างอย่างรุนแรง
- ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้จากโรคเป็นหนองที่กระดูก แผลไฟไหม้หรือติดเชื้อ ผ่าตัดสะโพก เข่า ข้อเท้า
ข้อควรระวังในการใช้หุ่นยนต์ฝึกเดิน
ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการรักษา เช่น แผลถลอก รอยแดง รอยช้ำบริเวณที่สวมเครื่องช่วยพยุง เป็นต้น