เทคนิคคุณแม่ดูแลครรภ์ 9 เดือนอย่างมีคุณภาพ

3 นาทีในการอ่าน
เทคนิคคุณแม่ดูแลครรภ์ 9 เดือนอย่างมีคุณภาพ

สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์ แน่นอนว่าความกังวลใจเกี่ยวกับการดูแลครรภ์ย่อมเกิดขึ้น เพราะกว่าที่เจ้าตัวน้อยจะลืมตาออกมาดูโลกนั้นจะต้องอยู่ในท้องคุณแม่ถึง 9 เดือน ดังนั้นการใส่ใจดูแลครรภ์อย่างถูกวิธีคือสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจและร่วมมือกันเพื่อให้เจ้าตัวน้อยคลอดออกมาอย่างสมบูรณ์และแข็งแรง 

 

รู้ทันพัฒนาการทารกในครรภ์

เดือนที่ 1 ทางการแพทย์จะเริ่มนับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายเป็นวันแรกของการตั้งครรภ์และนับไปจนครบ 40 สัปดาห์เป็นวันคะเนกำหนดคลอด

เดือนที่ 2 (5 – 8 สัปดาห์)

  • ตัวอ่อนในครรภ์จะมีความยาวประมาณ 4 – 25 มิลลิเมตร
  • รูปร่างโค้งงอ 
  • การตั้งครรภ์ยังไม่สามารถสังเกตเห็นได้ชัด
  • ตัวอ่อนเริ่มพัฒนาอวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ ระบบประสาท ตา แขนและขา 
  • ตรวจพบการเต้นของหัวใจของตัวอ่อนในครรภ์ช่วงอายุครรภ์ตั้งแต่ 6 สัปดาห์ขึ้นไปจากการทำ
    อัลตราซาวนด์ทางช่องคลอดได้ด้วยเครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง

เดือนที่ 3 (9 – 12 สัปดาห์)

  • ตัวอ่อนมีความยาวจากหัวถึงก้นประมาณ 2.5 – 7 เซนติเมตร 
  • แขนขาจะเริ่มปรากฏให้เห็นการเคลื่อนไหว
  • ตา ปาก จมูก และหู เริ่มปรากฏให้เห็น
  • สมองมีพัฒนาการไปเรื่อย ๆ ตลอดเวลา 
  • ปลายเดือนอวัยวะต่าง ๆ พัฒนาเกือบครบทุกส่วน

เดือนที่ 4 (13 – 16 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวจากหัวถึงก้นประมาณ 7 – 12 เซนติเมตร
  • ทารกโตขึ้นวันละ 2 – 3 มิลลิเมตร
  • ใบหน้าตัวอ่อนเห็นชัดเจนขึ้น
  • นิ้วมือนิ้วเท้าเห็นชัดเจน
  • เริ่มฟังเสียงหัวใจทารกได้ด้วยเครื่องฟังเสียงหัวใจ

เดือนที่ 5 (17 – 20 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวจากหัวถึงเท้าประมาณ 16 – 25 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 100 – 300 กรัม
  • สามารถฟังหัวใจทารกเต้นได้ด้วยหูฟัง จากการฟังทางหน้าท้อง
  • เริ่มมีขนตา ขนคิ้ว มีขนอ่อนปกคลุมทั่วตัวและหน้า
  • หูทำงานเต็มที่เริ่มได้ยินเสียงแม่ 
  • เปลือกตายังปิดสนิท
  • คุณแม่จะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์

เดือนที่ 6 (21 – 24 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 25 – 30 เซนติเมตร 
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 300 – 600 กรัม 
  • ผมที่ศีรษะและคิ้วจะปรากฏชัดขึ้น 
  • ตรวจด้วยเครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงมองเห็นเพศชัดเจน

เดือนที่ 7 (25 – 28 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 30 – 35 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 600 – 1,000 กรัม 
  • ผิวทารกมีรอยย่น เริ่มมีไขมันใต้ผิวหนัง
  • ศีรษะโต มีขนคิ้วและขนตา
  • สามารถลืมตาและหลับตาได้แล้ว
  • สามารถได้ยินเสียงจากภายนอก
  • สะอึกได้

เดือนที่ 8 (29 – 32 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 35 – 40 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 1,000 – 1,600 กรัม
  • ผิวหนังบางแดงและคลุมด้วยไข ยังเหี่ยวย่นอยู่
  • ถ้าเป็นผู้ชายลูกอัณฑะจะเริ่มเลื่อนลงในถุง

เดือนที่ 9 (33 – 36 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 40 – 45 เซนติเมตร
  • ทารกมีน้ำหนักประมาณ 1,600 – 2,500 กรัม 
  • ผิวหนังแดง รอยย่นเริ่มหายไป 
  • เริ่มดิ้นแรงจนสามารถเห็นความเคลื่อนไหวจากภายนอกได้ 
  • ปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่

เดือนที่ 10 (37 – 40 สัปดาห์)

  • ทารกมีความยาวประมาณ 45 – 50 เซนติเมตร 
  • ทารกมีน้ำหนัก 2,500 กรัมขึ้นไป 
  • มีการสะสมไขมันมากขึ้น รอยย่นของผิวหนังหายไป
  • เป็นระยะครบกำหนดคลอด
  • ทารกอาจคลอดเมื่อไรก็ได้ระหว่างสัปดาห์ที่ 37 – 42 สัปดาห์

dd

ดูแลครรภ์ให้ถูกวิธี

ฝากครรภ์สำคัญที่สุด เพื่อช่วย

  • ดูแลรักษาสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์ให้ดำเนินไปได้ด้วยดีตลอดการตั้งครรภ์และการคลอด
  • คลอดบุตรที่มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์
  • ลดอัตราตายและภาวะแทรกซ้อนของแม่และเด็ก

อาหารต้องเหมาะสม ได้แก่

  • แคลอรี่ที่ต้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 20
  • เพิ่มโปรตีน แร่ธาตุ และวิตามิน
  • เน้นเนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ผัก และผลไม้
  • งดอาหารรสจัด สุรา ยาเสพติด
  • ไม่สูบบุหรี่

ใช้ชีวิตให้ถูกสุขลักษณะ ได้แก่

  • รักษาความสะอาด
  • ใส่เสื้อผ้าให้หลวมสบาย
  • ไม่ใส่รองเท้าส้นสูง
  • ดูแลรักษาฟัน ขูดหินปูน
  • ดูแลหน้าท้อง ทรวงอก ระบบขับถ่าย
  • มีเพศสัมพันธ์ด้วยท่าที่เหมาะสม ในกรณีที่ไม่มีข้อห้าม ตามคำแนะนำของแพทย์
  • พักผ่อนนอนหลับวันละ 8 – 14 ชั่วโมง 
  • ขูดหินปูน

ออกกำลังกายและทำงานแบบพอดี ได้แก่ 

  • ปฏิบัติงานประจำวันตามปกติ
  • ไม่ควรทำงานหนัก
  • ไม่ควรออกกำลังกายจนเหนื่อย
  • การออกกำลังกายควรเริ่มหลังตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน

 

6 อาการที่คุณแม่ต้องระวัง

หากมีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบมาพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ

  1. น้ำหนักขึ้นมากกว่าปกติ 
  2. เปลือกตาบวม 
  3. ปวดศีรษะตรงหน้าผากและขมับข้างขวา 
  4. ตาพร่า 
  5. ปัสสาวะไม่ออก
  6. เลือดออกผิดปกติ

 

ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ คุณพ่อคุณแม่จะต้องช่วยกันดูแลครรภ์ให้มีคุณภาพ รับประทานอาหารอย่างเหมาะสม ใช้ชีวิตให้ถูกสุขลักษณะ ทำงานและออกกำลังกายแบบพอดี ไม่กังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การคลอด และการเลี้ยงเด็กแรกเกิด ที่สำคัญเมื่อคุณแม่ทราบเทคนิคในการดูแลครรภ์แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมในการคลอดบุตร ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง ปกป้องสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์ได้อย่างเหมาะสม

 

ข้อมูลโดย

Doctor Image
พญ. คัคณางค์ มิ่งมิตรพัฒนะกุล

สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา

พญ. คัคณางค์ มิ่งมิตรพัฒนะกุล

สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา

Doctor profileDoctor profile
Loading

กำลังโหลดข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์สุขภาพสตรี

ชั้น 2 อาคาร D โรงพยาบาลกรุงเทพ

เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 - 20.00 น.

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ดูแพทย์ทั้งหมด