โรคกระเพาะอาหาร ปวดจนทรมานอย่าปล่อยไว้

2 นาทีในการอ่าน
โรคกระเพาะอาหาร ปวดจนทรมานอย่าปล่อยไว้

หนึ่งในโรคที่เป็นกันมากอย่างโรคกระเพาะอาหาร มักสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิต แต่หลายคนมักละเลยอาการโรคกระเพาะอาหาร เพราะปวดแบบเป็น ๆ หาย ๆ เมื่อหายแล้วก็ไม่ไปพบแพทย์เพื่อรักษาจนพัฒนากลายเป็นโรคเรื้อรังและเพิ่มความเสี่ยงในระยะยาว


โรคกระเพาะอาหารคืออะไร

โรคกระเพาะอาหาร (Dyspepsia) เป็นโรคที่เกิดจากการที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้นมีบาดแผล รวมถึงการที่เยื่อบุกระเพาะอาหารเกิดการอักเสบ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เพราะการปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ และร้ายแรงถึงขั้นเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้


สาเหตุโรคกระเพาะอาหารคืออะไร

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) หรือ เอชไพโลไร (H. Pylori)
  • กินอาหารไม่เป็นเวลา
  • กินอาหารรสจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด
  • อดอาหารบ่อยครั้ง
  • เครียด วิตกกังวล
  • ดื่มกาแฟ ดื่มแอลกออล์ สูบบุหรี่
  • รับประทานยาแก้ปวด ยาสมุนไพร อาหารเสริม ที่มีฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะอาหาร

อาการโรคกระเพาะอาหารเป็นอย่างไร

  • ปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือช่องท้องส่วนบนเหนือสะดือ 
  • ปวดท้องเป็น ๆ หาย ๆ นานเป็นเดือนไปจนถึงเป็นปี
  • ปวดแน่นท้อง ปวดแสบ จุกแน่น 
  • ปวดท้องเวลาหิวหรือเมื่อท้องว่าง
  • ปวดก่อนหรือหลังมื้ออาหาร หรือปวดตอนที่นอนหลับไปแล้ว
  • ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีลมในท้อง ร้อนในท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
  • บางคนปวดท้องมากแต่ไม่มีแผลที่กระเพาะอาหาร บางคนไม่ปวดท้องแต่แผลที่กระเพาะอาหารใหญ่มาก 

ชนิดของโรคกระเพาะอาหาร

  • โรคกระเพาะอาหารชนิดไม่มีแผล พบได้มากที่สุด โดยมีสาเหตุจากการที่กรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป การบีบตัวของกระเพาะอาหารไม่ปกติ หรือติดเชื้อแบคทีเรียเอช. ไพโลไร
  • โรคกระเพาะอาหารชนิดมีแผล จากเชื้อแบคทีเรียเอช. ไพโลไร ยาแก้ปวด ยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน เกิดบริเวณกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น 
  • โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มักมาด้วยอาการปวดท้อง พบได้แม้จะเป็นส่วนน้อย

ตรวจวินิจฉัยโรคกระเพาะอาหาร

แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อวินิจฉัยโรคกระเพาะอาหาร อาจมีการตรวจเลือด อัลตราซาวนด์ช่องท้อง ส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร โดยสามารถตัดชิ้นเนื้อมาตรวจพิสูจน์เพิ่มเติมได้ การส่องกล้องกระเพาะอาหารมักจะทำในกรณีที่ปวดท้องเรื้อรัง รับประทานยาแล้วอาการปวดไม่ดีขึ้น หรือมีภาวะโลหิตจาง น้ำหนักลด


โรคกระเพาะอาหาร ปวดจนทรมานอย่าปล่อยไว้

รักษาโรคกระเพาะอาหารอย่างไร

การรักษาโรคกระเพาะอาหารแบ่งออกเป็น

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ได้แก่ รับประทานอาหารตรงเวลา งดอาหารรสจัด งดดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป เลี่ยงการรับประทานยาที่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
  • การรับประทานยา ตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ โดยรับประทานยาให้ครบตามระยะเวลาอาการจึงดีขึ้น และหยุดยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • การผ่าตัดรักษากระเพาะอาหาร ใช้ในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อน อย่างการมีเลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กทะลุ รวมถึงการอุดตันในกระเพาะอาหาร

ป้องกันโรคกระเพาะอาหารอย่างไร

  • กินอาหารให้เป็นเวลา
  • อย่าปล่อยให้ท้องว่าง
  • หากหิวต้องรองท้องด้วยนม น้ำเต้าหู้ น้ำผลไม้
  • เลี่ยงการกินอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด
  • ถ้าต้องกินยาที่ทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองต้องปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล

แพทย์ที่ชำนาญด้านการรักษาโรคกระเพาะอาหาร

นพ.จตุรงค์ อมรรัตนโกศล แพทย์ผู้ชำนาญการ ศูนย์โรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลกรุงเทพ

สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง


โรงพยาบาลที่พร้อมให้บริการรักษาโรคกระเพาะอาหาร

ศูนย์โรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมให้การดูแลรักษาโรคกระเพาะอาหารด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางและทีมสหสาขาวิชาชีพ เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

ข้อมูลโดย

Loading

กำลังโหลดข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์โรคทางเดินอาหารและตับ

ชั้น 2 อาคารโรงพยาบาลกรุงเทพ

จันทร์, อังคาร, พฤหัสบดี, เสาร์, อาทิตย์ เวลา 07.00 - 16.00 น.

พุธ, ศุกร์  เวลา 07.00 - 18.00 น.

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ดูแพทย์ทั้งหมด