นิ่วในไต สังเกตรีบรักษาก่อนไตพัง

2 นาทีในการอ่าน
นิ่วในไต สังเกตรีบรักษาก่อนไตพัง

หลายคนอาจไม่รู้ว่าโรคนิ่วในไตสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในผู้ชายมีโอกาสพบได้มากกว่าผู้หญิง และช่วงวัยที่พบส่วนใหญ่คืออายุ 30 – 40 ปี หากปล่อยทิ้งไว้นานไม่รีบรักษา อาจเกิดการติดเชื้อบ่อยจนเนื้อไตเสีย ไตเสื่อม และไตวายเรื้อรังได้ในอนาคต จึงควรรีบรักษาให้หายก่อนรุนแรง

 

รู้จักนิ่วในไต

นิ่วในไตเป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของแร่ธาตุแข็งชนิดต่าง ๆ จนกลายเป็นก้อนแข็งที่มีชนิดและขนาดแตกต่างกัน โดยมักจะพบที่ไตบริเวณกรวยไตและระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นผลมาจากการปัสสาวะเข้มข้นมากและตกตะกอนเป็นนิ่ว ซึ่งนิ่วในไตมีโอกาสเป็นซ้ำได้


สาเหตุนิ่วในไต

การเกิดนิ่วในไตมีความเกี่ยวข้องกับการมีแคลเซียมในปัสสาวะมากผิดปกติจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่

  • รับประทานอาหารแคลเซียม โปรตีน เกลือ และน้ำตาล สูงมากเกินไป
  •  ดื่มน้ำน้อยเกินไป
  • ใส่น้ำตาลในเครื่องดื่มมากเกินไป
  • กินอาหารที่มีสารออกซาเลตยับยังการดูดซึมแคลเซียม อาทิ ถั่ว หน่อไม้ ช็อกโกแลต ผักปวยเล้ง มันเทศ ฯลฯ
  • กินวิตามินซีมากกว่าวันละ 1,000 มิลลิกรัม
  • ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกินไป
  • โรคแทรกซ้อนจากการเป็นโรคเกาต์
  • โรคลำไส้อักเสบ เรื้อรัง
  • โรคอ้วนน้ำหนักมากเกินไป
  • โรคเบาหวาน

อาการบอกโรค

อาการที่กำลังบ่งบอกว่าเป็นนิ่วในไต ได้แก่

  • ปวดเอวข้างที่มีก้อนนิ่ว
  • ปวดหลังหรือช่องท้องช่วงล่างข้างใดข้างหนึ่ง
  • ปวดเสียด ปวดบิดเป็นพัก ๆ
  • มีไข้หนาว
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปัสสาวะขุ่นแดง
  • ปัสสาวะเป็นเม็ดทราย
  • ปัสสาวะแล้วเจ็บ
  • ปัสสาวะบ่อย
  • ปัสสาวะน้อย
  • ปัสสาวะไม่ออก
  • ปวดบิดในท้องรุนแรงถ้าก้อนนิ่วตกลงมาที่ท่อไต

***ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการแสดง


นิ่วในไต สังเกตรีบรักษาก่อนไตพัง
ตรวจวินิจฉัยนิ่วในไต

การตรวจวินิจฉัยนิ่วในไตต้องประเมินโดยแพทย์เฉพาะทางเป็นสำคัญ มีหลายวิธี ได้แก่

  • ตรวจปัสสาวะ หากพบเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก แพทย์อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นนิ่วในไต
  • ตรวจเลือด ผู้ป่วยนิ่วในไตมักมีปริมาณแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดมากเกินไป
  • เอกซเรย์ช่องท้อง ช่วยให้แพทย์เห็นก้อนนิ่วบริเวณทางเดินปัสสาวะ
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ช่วยให้แพทย์เห็นก้อนนิ่วขนาดเล็ก
  • อัลตราซาวนด์ไต ช่วยตรวจหาก้อนนิ่วในไตได้ชัดเจน
  • ตรวจเอกซเรย์ไตด้วยการฉีดสี (IVP) เพื่อวิเคราะห์สาเหตุการเกิดนิ่วในไตและช่วยให้สามารถวางแผนเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไตซ้ำ

***การตรวจวินิจฉัยอื่น ๆ เพิ่มเติมต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์


รักษานิ่วในไต

การรักษานิ่วในไตส่วนใหญ่รักษาตามชนิดและสาเหตุ ได้แก่

  1. การรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด หากนิ่วมีขนาดก้อนเล็กมากอาจหลุดออกมาได้เอง โดยการดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อขับออกมาทางปัสสาวะ โดยแพทย์อาจพิจารณาสั่งยาช่วยขับก้อนนิ่วตามความเหมาะสม
  2. การใช้เครื่องสลายนิ่ว (Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy : ESWL) เป็นการสลายนิ่วขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวและขับออกมาทางปัสสาวะ ผู้ป่วยอาจเจ็บเล็กน้อย และมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา จึงควรทำการรักษากับแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญอย่างใกล้ชิด
  3. การส่องกล้องสลายนิ่ว (Ureteroscopy) เป็นการสลายนิ่วขนาดไม่เกิน 3 เซนติเมตร โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่มีกล้อง Ureteroscopy ติดอยู่ด้วยเข้าไปทางท่อปัสสาวะเพื่อทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อขับออกมาทางปัสสาวะ
  4. การรักษาแบบผ่าตัด (PercutaneousNephrolithotomy : PCNL) ใช้ในกรณีที่ก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่และรักษาวิธีอื่นไม่ได้ผล โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดด้วยการเจาะรูเล็ก ๆ บริเวณหลังของผู้ป่วยแล้วใช้กล้องส่องเพื่อนำเครื่องมือสอดเข้าไปทำให้นิ่วแตกเป็นชิ้นเล็ก จากนั้นจึงคีบก้อนนิ่วออกมาทางรูเดิม ซึ่งวิธีนี้ต้องพิจารณาและทำการผ่าตัดโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญเท่านั้น

ป้องกันนิ่วในไต

  • ดื่มน้ำให้มากช่วยลดโอกาสการตกตะกอนของก้อนนิ่ว
  • กินแคลเซียมจากอาหารธรรมชาติให้เพียงพอ
  • เลี่ยงเค็ม ลดเกลือในมื้ออาหาร
  • ควบคุมการกินเนื้อสัตว์ นม เนย
  • กินผักให้เยอะช่วยลดโอกาสเกิดนิ่ว

 

ข้อมูลโดย

Doctor Image
นพ. สมเกียรติ พุ่มไพศาลชัย

ศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา

นพ. สมเกียรติ พุ่มไพศาลชัย

ศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา

Doctor profileDoctor profile
Loading

กำลังโหลดข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์โรคทางเดินปัสสาวะ

ชั้น 3 อาคาร C โรงพยาบาลกรุงเทพ

เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 08.00 – 15.00 น.

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ดูแพทย์ทั้งหมด