ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า

3 นาทีในการอ่าน
ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า

เมื่ออายุมากขึ้นเกิดการพลัดตกหกล้มได้ง่ายขึ้น ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีจะมีความรุนแรงและอันตรายจากการล้มจะมากกว่าช่วงอายุอื่น ๆ เนื่องจากมวลกระดูกลดลง กระดูกร้าวและหักได้ การประเมินความเสี่ยงของตนเองเพื่อเตรียมตัวฝึกล้มและลุกจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น

 

ประเมินความเสี่ยงล้ม

การประเมินความเสี่ยงล้มในผู้สูงวัยสามารถประเมินได้เบื้องต้นโดย

  • อายุเท่าไร ยิ่งอายุมากยิ่งเสี่ยงมาก
  • เคยหกล้มหรือบาดเจ็บในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาหรือไม่ หากเคยล้มมีโอกาสล้มซ้ำ
  • รู้สึกว่าแขนขาไม่ค่อยมีแรงหรือไม่ เพราะอาจไม่สามารถจับยึดหรือพยุงตัวเองได้
  • มีปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือไม่ เพราะการรีบไปเข้าห้องน้ำส่งผลให้ล้มได้
  • มีปัญหาการมองเห็นและกะระยะหรือไม่ อาจทำให้สะดุดหกล้มหรือตกบันไดได้
  • กลัวการหกล้มหรือไม่ เพราะจะไม่กล้าออกกำลังกายและทำกิจวัตรต่าง ๆ  ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง 
  • มีโรคประจำตัวหรือไม่ เช่น โรคความดันโลหิตสูง อาจทำให้หน้ามืดแล้วล้มได้ โรคเบาหวาน อาจทำให้มีแผลที่เท้าส่งผลให้เดินช้า เดินลำบาก เพิ่มความเสี่ยงในการล้ม เป็นต้น 

ซ้อมล้มฝึกลุกให้เคยชิน

การให้ผู้สูงอายุซ้อมล้มและฝึกลุกเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่ควรละเลย เพราะหากผู้สูงอายุได้รับการฝึกอยู่เป็นประจำจะช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด และสามารถช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นได้ในกรณีที่การบาดเจ็บไม่มาก แต่หากประเมินแล้วว่าบาดเจ็บหนัก มีการหักของกระดูกให้ขอความช่วยเหลือหรือเรียกคนใกล้ชิด 


ซ้อมล้ม

การซ้อมล้มให้หาเบาะออกกำลังกายที่รองรับน้ำหนักผู้สูงวัยได้ทั้งตัวมาให้ผู้สูงวัยได้ฝึกซ้อม

ล้มด้านหน้า 

  • ยืนหันหน้าเข้าหาเบาะ ย่อตัวลง และโน้มตัวให้เข่าทั้งสองข้างลงสู่พื้น ใช้มือทั้งสองข้างยื่นไปด้านหน้าเพื่อรับน้ำหนักตัว เท้าทั้งสองข้างจะลอยเหนือพื้นเล็กน้อย ระวังไม่ให้ศีรษะและใบหน้ากระแทก

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า


ล้มด้านข้าง

  • ยืนหันด้านข้างที่ถนัดเข้าหาเบาะ ย่อตัวลงแล้วเอนตัวให้ด้านข้างของเข่าและสะโพกข้างที่ถนัดลงสู่พื้น ก่อนที่ลำตัวจะถึงพื้น มือทั้งสองข้างยันเบาะไว้ ใช้แขนรับน้ำหนักตัว เมื่อทำได้ดีแล้วให้ทำอีกข้างสลับกัน

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า


ล้มด้านหลัง

  • ยืนหันด้านหลังให้เบาะ จังหวะที่ล้มหันด้านข้างให้เข่าและสะโพกลงมาที่เบาะ ใช้แขนรับน้ำหนักตัว ก่อนที่ลำตัวจะถึงพื้น 

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า

 

  • คว่ำมือทั้งสองข้างไว้ข้างลำตัว ดึงแขนไปด้านหลัง งอข้อศอกใช้แขนรับน้ำหนักตัว ก่อนที่จะทิ้งลำตัวลงบนพื้นในท่าก้มศีรษะเก็บคอ

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า


ฝึกลุก

การฝึกลุกให้หาเบาะออกกำลังกายที่รองรับน้ำหนักผู้สูงวัยได้ทั้งตัวมาให้ผู้สูงวัยได้ฝึกซ้อม แต่สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ เมื่อล้มแล้วต้องสำรวจว่ามีการบาดเจ็บส่วนสำคัญหรือการบาดเจ็บของข้อต่อหรือไม่ หากไม่ปวดศีรษะ ไม่ปวดคอ ขยับแขนหรือขยับขาได้ไม่อ่อนกำลังจึงค่อย ๆ ลุก แต่หากรู้สึกเจ็บมากไม่ว่าบริเวณใด หรือรู้สึกว่าแขน – ขาอ่อนแรงอย่าฝืน ให้รีบขอความช่วยเหลือ 

 

วิธีการฝึกลุกคือ

1) นอนหงาย ยกขาขึ้นมาสองข้าง

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า

 

2) ถ้าจะลุกด้านไหนให้เหยียดแขน หมุนให้ขาและลำตัวตะแคงตัวไปด้านนั้น

ยกตัวอย่างเช่น การลุกด้านขวาให้เหยียดแขนขวา จากนั้นค่อย ๆ หมุนตะแคงตัวไปทางด้านขวา ใช้ข้อศอกขวาดันพื้นเพื่อยกลำตัวขึ้น ใช้แขนซ้ายยันพื้นประคอง ค่อย ๆ ดันตัวเองขึ้นมาโดยใช้แรงจากต้นแขนขวา ไม่ต้องใช้มือหรือข้อมือที่บาดเจ็บ 

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า

 

3) ช่วงที่จะยืนให้สังเกตตนเองว่ามีอาการมึนศีรษะหรือไม่ หากมึนมากจนลุกไม่ไหวให้ลงไปนอนรอคนมาช่วย แต่ถ้าลุกไหวให้คลานไปหาหลักยึดเพื่อทรงตัว

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า

 

4) ถ้าร่างกายมั่นคงให้ค่อย ๆ ลุกขึ้น แต่ถ้าร่างกายไม่มั่นคงให้คลานไปหาอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวเพื่อช่วยทรงตัวขึ้นยืน เช่น เก้าอี้ที่ไม่มีล้อเลื่อน หรือโต๊ะที่รับน้ำหนักได้แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน 

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า

ซ้อมล้มฝึกลุกผู้สูงอายุไม่โคม่า

 

ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ล้มมีทั้งความเสื่อมของร่างกาย ความคล่องตัวที่ลดลง พฤติกรรมชอบหิ้วของสองมือแล้วหันไปคุยกับเพื่อน พื้นต่างระดับในบ้าน ของวางเกะกะบริเวณที่เดินผ่านประจำ เป็นต้น เพราะฉะนั้นต้องจัดบ้านให้เหมาะกับผู้สูงอายุ และหากผู้สูงวัยล้มแนะนำให้พาไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจเช็กการบาดเจ็บโดยเร็ว 

 

นอกจากนี้แนะนำให้หมั่นสังเกตการเคลื่อนไหวของผู้สูงวัยในบ้านว่ามีความผิดปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่ เพราะผู้สูงอายุบางคนล้มแล้วไม่ยอมบอกลูกหลานเพราะกลัวจะเป็นภาระ ซึ่งทุกการล้มของผู้สูงวัยมีโอกาสที่จะสะโพกหัก กระดูกหัก เลือดคั่งในสมอง เพราะล้มศีรษะกระแทกพื้นแล้วเกิดการบาดเจ็บภายในโดยที่ลูกหลานไม่ทราบ อีกทั้งการให้ผู้สูงวัยออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและทรงตัวได้มั่นคงยิ่งขึ้น


6 สิ่งสำคัญกันล้มในผู้สูงวัย

  1. เครื่องช่วยเดินหากเดินไม่มั่นคง เช่น ไม้เท้า ร่มยาว ราวจับ เป็นต้น
  2. ใส่เสื้อผ้าไม่รุงรัง สวมรองเท้าที่พอดี กระชับ เดินแล้วไม่ลื่นจะได้ไม่เสี่ยงล้ม
  3. ไม่ให้มีสิ่งกีดขวางเกะกะทางเดิน
  4. ระวังไม่ให้สะโพกและศีรษะกระแทก
  5. สังเกตทุกการเคลื่อนไหวของผู้สูงวัย 
  6. ซ้อมล้มฝึกลุกให้เป็น

 

ข้อมูลโดย

Doctor Image
นพ. เอกกิตติ์ สุรการ

ศัลยศาสตร์

ศัลยศาสตร์อุบัติเหตุ
นพ. เอกกิตติ์ สุรการ

ศัลยศาสตร์

ศัลยศาสตร์อุบัติเหตุ
Doctor profileDoctor profile
Loading

กำลังโหลดข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติมที่

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ดูแพทย์ทั้งหมด