การวางรากฐานการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้หญิงตั้งแต่วัยเด็ก วัยเจริญพันธุ์ วัยผู้ใหญ่ ไปจนถึงวัยก่อนหมดประจำเดือน ไม่เพียงช่วยให้มีสุขภาพดีในระยะยาว แต่ยังมีแนวโน้มที่ดีในการป้องกันก่อนเกิดโรค เพราะฉะนั้นจึงควรใส่ใจวางแผนการดูแลสุขภาพในทุกช่วงวัย
การดูแลสุขภาพกายคุณผู้หญิง
การดูแลสุขภาพกายของคุณผู้หญิงสามารถแบ่งออกตามวัยได้ดังต่อไปนี้
- วัยเด็ก – วัยก่อนเจริญพันธุ์ (วัยก่อนมีประจำเดือน)
การดูแลสุขภาพในวัยนี้เป็นการวางรากฐานทางสุขภาพที่ดีในระยะยาว ถ้าเริ่มต้นดีย่อมมีแนวโน้มว่าในวัยต่าง ๆ จะดีตามไปด้วย ซึ่งในช่วงวัยนี้จะอยู่ในความดูแลของคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก แนะนำให้ฉีดวัคซีนที่เด็กไทยควรได้รับตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เลือกกิจกรรมที่เหมาะสม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควรฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ - วัยเจริญพันธุ์ (วัยเริ่มมีประจำเดือน)
เมื่อเริ่มมีประจำเดือนแสดงถึงการเป็นผู้หญิงเต็มตัว รังไข่ทำงานได้เต็มที่ ในช่วงวัยนี้จะมีระยะเวลานานคือตั้งแต่อายุ 15 – 50 ปี โดยจะแบ่งออกเป็น- วัยเจริญพันธุ์ช่วงแรก (อายุ 20 – 30 ปี)
ผู้หญิงจะมีความกระฉับกระเฉง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เป็นช่วงวัยที่ระบบการเผาผลาญทำงานได้ดี ออกกำลังกายได้เต็มที่ แนะนำให้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เลี่ยงไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้โกรทฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตและการทำงานของอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ช่วยคงความอ่อนเยาว์และชะลอวัยหลั่งออกมาอย่างเต็มที่ในเวลากลางคืน อีกทั้งยังเป็นช่วงที่เหมาะกับการมีบุตร เพราะสามารถฟื้นตัวหลังคลอดได้รวดเร็ว แต่ในบางคนที่มีปัญหาปวดประจำเดือนแนะนำให้พบสูติ – นรีแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด และสำหรับผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วแนะนำให้ตรวจภายในและตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ - วัยเจริญพันธุ์ช่วงหลัง (อายุ 30 ปีขึ้นไป)
ในช่วงนี้ผู้หญิงจะเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้า ระบบการเผาผลาญเริ่มทำงานลดลง จึงควรระมัดระวังการรับประทานอาหาร ลดอาหารหวานจัด เค็มจัด มันจัด เพราะเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังอย่างไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจและหลอดเลือดสมอง ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายแบบพอดีไม่หนักจนเกินไปเพื่อป้องกันข้อเสื่อม ที่สำคัญควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีและสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หากพบความผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที
- วัยเจริญพันธุ์ช่วงแรก (อายุ 20 – 30 ปี)
- วัยก่อนหมดประจำเดือน – วัยทอง (อายุ 40 ปีขึ้นไป)
ผู้หญิงในวัยก่อนหมดประจำเดือนจนถึงวัยทองหรือวัยหมดประจำเดือนจะเริ่มพบกับความเสื่อมของร่างกาย หากดูแลตัวเองดีตั้งแต่เด็กย่อมช่วยชะลอความเสื่อมได้ ในวัยนี้ต้องตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี รวมถึงตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ เสริมแคลเซียมให้มากขึ้นเพราะกระดูกจะเริ่มบางลงจนเข้าสู่ภาวะกระดูกพรุน ที่สำคัญควรสังเกตสัญญาณเตือนก่อนวัยทอง ได้แก่ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หงุดหงิดง่าย อ่อนไหว อารมณ์แปรปรวน ร้อนวูบวาบ ช่องคลอดเริ่มแห้ง หมดอารมณ์ทางเพศ เป็นต้น และเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ หากผิดปกติควรรีบพบสูติ – นรีแพทย์ทันที
การดูแลสุขภาพใจคุณผู้หญิง
สุขภาพใจที่ดีสำคัญไม่แพ้สุขภาพกายเพราะหากเครียดมากเกินไปหรือจิตใจไม่ดีย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกายยิ่งในปัจจุบันที่ผู้หญิงมีหลายบทบาทในชีวิตการดูแลสุขภาพใจจึงสำคัญโดยมีเทคนิคง่าย ๆ คือ
- คิดบวก มองโลกในแง่ดี ช่วยให้จัดการทุกอุปสรรคและปัญหาได้อย่างเหมาะสม
- เลิกเปรียบเทียบ เพราะทุกคนมีชีวิตแตกต่างกัน ความสุขในชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน จึงไม่ควรเปรียบเทียบกับใคร มีสติและใช้โซเชียลมีเดียอย่างเหมาะสม
- สื่อสารให้ชัดเจน ในยุคนี้การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่ากับคนในบ้านหรือนอกบ้าน โดยเฉพาะการสื่อสารภายในครอบครัวสำคัญมาก ควรพูดคุยกันอย่างระมัดระวัง อย่ามองข้าม อย่าคิดแทน เปิดใจคุยเพื่อให้เข้าใจกัน
- มีเพื่อนที่ดีพร้อมรับฟัง ปัญหาบางเรื่องที่ไม่สามารถระบายกับคนในครอบครัวได้ การมีเพื่อนที่ดี ไว้ใจได้ ไม่นำความลับไปบอกต่อ และพร้อมรับฟังเสมอ ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้
- พักผ่อนด้วยงานอดิเรกที่ชอบ ในหนึ่งวันควรแบ่งเวลาทำกิจกรรมที่ชอบ เพื่อให้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน แต่ต้องเป็นกิจกรรมที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและไม่ผิดกฎหมาย
อาการเสี่ยงโรคผู้หญิงที่ไม่ควรละเลย
หากมีอาการดังต่อไปนี้ควรสังเกตและพบสูติ–นรีแพทย์เพื่อตรวจเช็กทันที
- ปวดท้องน้อย อาการสำคัญอันดับแรกที่ผู้หญิงมาพบสูติ – นรีแพทย์เพราะทนไม่ไหว ซึ่งจะพิจารณาจากลักษณะอาการปวดท้องน้อยเป็นสำคัญเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัย
- ปวดประจำเดือนมากผิดปกติ ปวดมากขึ้นทุกเดือน กินยาแล้วไม่หายต้องกินเพิ่มหรือฉีดยา ปวดมากจนทรมาน ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันไม่ได้
- ประจำเดือนมามากผิดปกติ จากเดิมใช้ผ้าอนามัยแค่ 2 – 3 ผืน เป็นใช้ผ้าอนามัยวันละ 7 – 8 ผืน แม้ประจำเดือนจะไม่มีทางมาเท่ากันในแต่ละเดือน แต่หากมามากเกินไปและมาไม่ตรงรอบควรพบสูติ – นรีแพทย์ทันที
- ปัสสาวะบ่อย สังเกตได้จากการปัสสาวะตอนกลางคืนเกิน 2 ครั้งอาจบอกโรคบางอย่างได้ เช่น เนื้องอกมดลูกอาจมีก้อนเนื้อไปกดเบียดอวัยวะข้างเคียงมดลูกอย่างกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย
โรคผู้หญิงที่ไม่ควรมองข้าม
อาการปวดท้องน้อย ปวดประจำเดือนมากผิดปกติ ประจำเดือนมามากผิดปกติ ปัสสาวะบ่อย อาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ ที่พบบ่อยในคุณผู้หญิง ได้แก่
- เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก (Leiomyoma or fibromyoma or fibroid or myoma uteri) เป็นเนื้องอกที่เกิดจากเซลล์กล้ามเนื้อเรียบเติบโตในกล้ามเนื้อมดลูก มีลักษณะค่อนข้างกลม พบได้บ่อยมาก ในผู้หญิง 10 คน พบได้ 6 คน ซึ่งอาการจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของก้อนบริเวณมดลูก
- เนื้องอกในกล้ามเนื้อมดลูก โดยเนื้องอกอาจโตในโพรงมดลูกหรือโตเป็นก้อนนูนออกจากมดลูก ซึ่งการเติบโตจะค่อย ๆ โตไปอย่างช้า ๆ หรืออาจมีขนาดเท่าเดิม อาการที่พบบ่อยคือปวดประจำเดือน ประจำเดือนมามากผิดปกติ ปัสสาวะบ่อยเพราะถูกกดเบียดจากอวัยวะข้างเคียง สำหรับโอกาสที่เนื้องอกมดลูกจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นมะเร็งมีน้อยมาก คือน้อยกว่า 1% ดังนั้นถ้าไม่มีอาการอะไรเลยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ต้องมาตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี มาอัลตราซาวนด์เพื่อเช็กว่าโตเร็วไหม ซึ่งโดยปกติเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งจะโตค่อนข้างช้า หากมากกว่านั้นอาจต้องเข้ารับการผ่าตัด
- ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) คือการที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญเติบโตนอกโพรงมดลูก เช่น แทรกในผนังหรือกล้ามเนื้อมดลูก หรือเติบโตตามอวัยวะต่าง ๆ ส่งผลให้มีเลือดออกในเนื้อเยื่อเหล่านั้นขณะมีประจำเดือน ทำให้บริเวณนั้นมีเลือดคั่งและบวมขึ้น มดลูกมีการบีบตัวมากขึ้น ทำให้ปวดประจำเดือนและมดลูกมีลักษณะอ้วนกลมและโตขึ้น หากเนื้อเยื่อนี้ไปเจริญในรังไข่ก็จะทำให้เกิดช็อกโกแลตซีสต์ขึ้น อาจทำให้มีอาการปวดประจำเดือน หรือเกิดภาวะมีบุตรยากตามมา ภาวะนี้สามารถรักษาได้ด้วยยาแก้ปวด ฮอร์โมนบำบัด หรือผ่าตัด
- ถุงน้ำรังไข่ มี 2 แบบ คือ เกิดจากเยื่อบุผิวของรังไข่ (Ovarian – Cysts) กับเกิดจากเนื้อเยื่อผิวหนังที่มีผม ขน ฟันข้างใน ที่เรียกว่า เดอร์มอยด์ซีสต์ (Dermoid Cyst) หากมีอยู่ในร่างกายอาจส่งผลให้มีอาการปวดท้องเฉียบพลันจากรังไข่บิดขั้ว เป็น ๆ หาย ๆ จนต้องมาพบสูติ – นรีแพทย์ ซึ่งอาการจะรุนแรงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของถุงน้ำที่พบ จึงต้องตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดกับสูติ – นรีแพทย์ ส่วนใหญ่ภาวะนี้รักษาโดยการผ่าตัด ที่น่าสนใจคือมีทั้งชนิดที่เป็นมะเร็งและไม่ใช่มะเร็ง จึงควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
เพราะสุขภาพผู้หญิงควรได้รับการดูแลตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างยืนยาวโดยเฉพาะการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่สามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กเพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของโรคอย่างมีประสิทธิภาพและอย่าละเลยการตรวจสุขภาพภายในทุกปีเพื่อเฝ้าระวังและได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรกของโรค