การกลั้นปัสสาวะลำบากในผู้สูงวัย

3 นาทีในการอ่าน
การกลั้นปัสสาวะลำบากในผู้สูงวัย

ภาวะการกลั้นปัสสาวะลำบากในผู้สูงวัย

ภาวะการกลั้นปัสสาวะลำบาก หรือปัสสาวะเล็ดในผู้สูงวัยนับเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน โดยอาการที่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน และก่อให้เกิดความกังวลใจในการเข้าสังคม


อาการบอกโรค

ความรุนแรงของอาการ เริ่มตั้งแต่การมีปัสสาวะหยดมาเปื้อนกางเกงในปริมาณที่ไม่มากนัก ไปจนถึงมีอาการปัสสาวะเล็ดออกมาเป็นปริมาณมาก บางครั้งอาจมีอุจจาระเล็ดร่วมด้วย ผู้สูงวัยบางท่านแม้ยังไม่เริ่มมีอาการดังกล่าวแต่ก็อาจเริ่มมีอาการดังต่อไปนี้ เช่น
  • ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน
  • ปัสสาวะไม่สุด
  • รู้สึกอยากปัสสาวะอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนมีความสัมพันธ์ต่อการเกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้ทั้งสิ้น

 

ปัจจัยควบคุมปัสสาวะ 

โดยปกติแล้วการควบคุมการปัสสาวะต้องอาศัยปัจจัยดังต่อไปนี้ 

  1. ศูนย์สั่งการการปัสสาวะและระบบประสาทบริเวณสมองและไขสันหลังที่ดี
  2. กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานและหูรูดบริเวณท่อปัสสาวะที่แข็งแรง
  3. ลักษณะทางกายวิภาคและสรีระวิทยาของระบบทางเดินปัสสาวะที่ปกติ
  4. สภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการปัสสาวะ
หากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งดังกล่าวขาดไปหรือเกิดความผิดปกติขึ้นก็จะก่อให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้

 

photo

 

การทำงานของกระเพาะปัสสาวะในผู้สูงวัย

เมื่ออายุเริ่มเพิ่มขึ้นสิ่งที่เกิดขึ้น คือ

  1. การทำงานของกระเพาะปัสสาวะเริ่มเสื่อมลง บางรายอาจมีการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะบ่อยเกินไป โดยไม่สามารถควบคุมได้ หรือในทางกลับกันอาจบีบตัวได้น้อยเกินไปก็เป็นได้
  2. กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานและหูรูดเริ่มเสื่อมสภาพ ไม่สามารถหดตัวหรือคลายตัวได้ตามปกติ โดยเฉพาะในเพศหญิงที่ผ่านการคลอดบุตรมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการคลอดตามธรรมชาติหรือการผ่าตัดคลอดบุตรก็ตาม
  3. ปริมาณปัสสาวะที่เหลือค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะหลังจากปัสสาวะไปแล้วมีปริมาณมากกว่าคนปกติ
  4. ในเพศชาย ภาวะที่พบบ่อย คือ ต่อมลูกหมากโต ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปัสสาวะเล็ดได้
  5. มีการสร้างปัสสาวะในช่วงเวลากลางคืนมากขึ้น

 

ประเภทของอาการปัสสาวะเล็ด

  1. อาการปัสสาวะเล็ดเมื่อมีการไอ จาม เบ่ง (Stress Incontinence)

  • อาการมักเกิดในผู้ที่มีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานและหูรูดลดลง แม้ความจุของกระเพาะปัสสาวะยังไม่เต็มที่ก็เกิดภาวะปัสสาวะเล็ดได้เพียงแค่ออกแรงเบ่ง ไอ จามเพียงเล็กน้อย

  1. อาการปัสสาวะเล็ดช่วงที่มีอาการอยากปัสสาวะ (Urge Incontinence)

  • สาเหตุมักเกิดจากการที่กระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยครั้งเกินไปโดยควบคุมไม่ได้ ส่วนใหญ่เกิดจาก

    • ปัญหาของการเชื่อมโยงระบบประสาทสั่งการจากสมองและไขสันหลังมายังระบบปัสสาวะ เช่น ภาวะหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก พาร์กินสัน ภาวะสมองเสื่อม การได้รับบาดเจ็บบริเวณไขสันหลัง
    • ปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะเอง เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ นิ่ว เนื้องอกในทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น

  1. อาการปัสสาวะเล็ดเมื่อมีการไอ จาม เบ่งและช่วงที่มีอาการอยากปัสสาวะ (Mixed Incontinence)

  • สาเหตุเกิดจากโรคทางระบบประสาทและสมองและภาวะความจำเสื่อมขั้นรุนแรง หรือปัญหาโรคทางจิตเวช

  1. อาการปัสสาวะเล็ดเมื่อความจุของกระเพาะปัสสาวะขยายเต็มที่แล้ว (Overflow Incontinence)

  • สาเหตุเกิดจากปัญหาของลักษณะทางกายวิภาคและสรีระวิทยาของระบบทางเดินปัสสาวะที่ผิดปกติ เช่น ต่อมลูกหมากโต มีท่อปัสสาวะตีบ
  • การได้รับบาดเจ็บบริเวณไขสันหลัง โรคเบาหวาน
  • ปัญหาทางระบบประสาทอื่น ๆ
  • ผลข้างเคียงจากยาที่รับประทานเป็นประจำ

 

ดูแลผู้ป่วยกลั้นปัสสาวะลำบาก

  1. ปรึกษาแพทย์พร้อมนำยาที่ใช้รับประทานเป็นประจำมาให้แพทย์ดู เนื่องจากภาวะปัสสาวะเล็ดในแต่ละแบบมีวิธีรักษาที่แตกต่างกัน
  2. เขียนชื่อโรคประจำตัวเก็บไว้กับตัวผู้สูงอายุเสมอและนำมาให้แพทย์ดูทุกครั้ง
  3. งดดื่มสุรา กาแฟ ซึ่งมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
  4. หากเป็นผู้ป่วยที่นอนติดเตียงตลอด แนะนำให้ผู้ดูแลจดบันทึกปริมาณปัสสาวะ ลักษณะ สี และจำนวนครั้งที่ผู้ป่วยปัสสาวะไว้ทุกครั้ง รวมถึงปริมาณและความถี่ของการสวนเก็บปัสสาวะด้วย
  5. หากเป็นผู้ป่วยที่ต้องใช้ผู้ดูแลให้พยายามทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักให้สะอาดและแห้งทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดแผลกดทับ หรือแผลติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณข้างเคียง
  6. หากเป็นผู้ป่วยที่นอนติดเตียงตลอด หลีกเลี่ยงการคาสายสวนปัสสาวะไว้ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็น เนื่องจากจะเพิ่มโอกาสการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะมากขึ้น หากจำเป็นต้องใส่สายสวนปัสสาวะจริง ๆ ควรสวนเก็บเป็นครั้ง ๆ ไปตามรอบในแต่ละวัน และควรใช้เทคนิคที่สะอาดปลอดเชื้อในการสวนเก็บปัสสาวะทุกครั้ง
Loading

กำลังโหลดข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์

ชั้น 1 อาคาร R

เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00 - 15.00 น.

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ดูแพทย์ทั้งหมด