ริดสีดวงทวาร ถ่ายเป็นเลือดจนเสี่ยงภาวะเลือดจาง

5 นาทีในการอ่าน
ริดสีดวงทวาร ถ่ายเป็นเลือดจนเสี่ยงภาวะเลือดจาง

โรคริดสีดวงทวารเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนทั่วไป โรคนี้ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัวและอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย จึงไม่ควรละเลยและรีบดูแลตนเองอย่างถูกวิธี

ริดสีดวงทวารคืออะไร

ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) คือ การมีกลุ่มของหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักโป่งพองและอาจยื่นออกมา


ริดสีดวงทวารมีกี่ชนิด

ริดสีดวงทวารแบ่งออกเป็น 2 ชนิด และแต่ละชนิดมีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน ได้แก่

1) ริดสีดวงทวารภายใน (Internal Hemorrhoids) คือ ริดสีดวงทวารที่เกิดภายในรูทวาร ซึ่งอาจจะไม่โผล่ออกมาให้เห็นและคลำไม่ได้ ถูกคลุมด้วยเยื่อบุลำไส้จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดในขณะที่ยังไม่มีอาการแทรกซ้อน แบ่งระดับความรุนแรงออกเป็น 4 ระดับ คือ

  • ระดับที่ 1 : ริดสีดวงอยู่ภายในและไม่มีการยื่นออกมานอกทวารหนัก
  • ระดับที่ 2 : ริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักเมื่อถ่ายอุจจาระ แต่สามารถหดกลับเข้าไปด้านในเองได้
  • ระดับที่ 3 : ริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักและต้องใช้มือดันกลับเข้ าไปด้านใน
  • ระดับที่ 4: ริดสีดวงยังคงยื่นออกมานอกทวารหนัก แม้จะใช้มือดันกลับเข้าไปแล้วก็ตาม

2) ริดสีดวงทวารภายนอก (External Hemorrhoids) คือ ริดสีดวงที่เกิดขึ้นบริเวณปากรอยย่นรอบ ๆ ทวารหนัก สามารถมองเห็นและคลำได้ มีเส้นประสาทรับความเจ็บปวด ผู้ป่วยจึงมักมาด้วยอาการปวด แม้ไม่มีการแบ่งระดับความรุนแรงชัดเจนเหมือนริดสีดวงทวารภายใน แต่มีอาการต่าง ๆ เช่น เจ็บปวด บวม อักเสบ เลือดออก ฯลฯ


ริดสีดวงทวารเกิดจากสาเหตุใด

  1. ปัจจัยทางพันธุกรรม พบว่า ยีน FOXC2 gene บนโครโมโซมคู่ที่ 16 อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดของโรคและเส้นเลือดขอดที่ขา
  2. อาชีพ ผู้ที่มีอาชีพต้องยืนนาน ๆ มีผลทำให้ความดันเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณปากทวารไหลกลับสู่หลอดเลือดดำในช่องท้องช้าลง โดยทั่วไปหลอดเลือดดำมีลิ้นเพื่อให้เลือดดำไหลกลับได้ทางเดียว แต่เมื่อการไหลของเลือดดำช้าลงประกอบกับมีความดันในช่องท้องสูงจึงเกิดการคั่งของหลอดเลือดดำบริเวณกลุ่มหลอดเลือดปากรูทวารหนัก ส่งผลให้กลุ่มหลอดเลือดดำโป่งพองจนเกิดอาการของโรคริดสีดวงได้
  3. ภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่น เช่น โรคตับแข็ง ซึ่งจะมีอาการท้องมานในระยะสุดท้าย และเมื่อมีน้ำในช่องท้องมาก ๆ จะไปกดการไหลเวียนเลือดในช่องท้อง เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดดำไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ดีนัก

ริดสีดวงอาการเป็นอย่างไร

  1. มีเลือดออกถ้าท้องผูกมีโอกาสเลือดจะออกมากยิ่งขึ้น
  2. ก้อนยื่นจากก้น อาจหดกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เอง หรือต้องเอานิ้วมือดันกลับเข้าไปถึงจะเข้าไป
  3. บวม อักเสบ ก้นแฉะ คัน ติดเชื้อโรค
  4. ซีด อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด
  5. มีเลือดแดงในโถส้วม หรือเลือดหยดตามหลังการถ่ายอุจจาระ

ตรวจวินิจฉัยริดสีดวงทวารอย่างไร

ผู้ป่วยส่วนมากจะมีเลือดสดออกทางทวารหนักระหว่างที่ถ่ายอุจจาระ สังเกตได้จากการมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือมีเลือดปนออกมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกมาเป็นหยด ทั้งนี้อาจจะมีอาการเจ็บทวารหนักหรือไม่ก็ได้ ถ้าเกิดอาการอักเสบหรือหัวยื่นออกมาข้างนอก อาจรู้สึกเจ็บรุนแรงจนทำให้ยืน นั่ง หรือเดินไม่สะดวก และอาจคลำพบก้อนเนื้อที่เป็นหัวบริเวณปากทวารหนักในรายที่เป็นเรื้อรังหรือมีเลือดออกมาก ผู้ป่วยอาจมีอาการซีดจากการเสียเลือดได้


" "

ริดสีดวงแบบไหนต้องไปหาหมอ

หากผู้ป่วยมีเลือดออกนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือสงสัยมีโรคอื่นร่วมด้วย หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี ควรพบแพทย์และส่องกล้องตรวจทวารหนักถ้าหากสงสัยเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่ และในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการซีดอาจต้องเข้ารับการผ่าตัดริดสีดวง


ริดสีดวงรักษาอย่างไร

การรักษาริดสีดวงทวารขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและอาการของผู้ป่วย ประกอบไปด้วย การรักษาริดสีดวงด้วยตนเองและการรักษาริดสีดวงโดยแพทย์ ได้แก่

1) รักษาริดสีดวงตามอาการด้วยตนเอง

วิธีรักษาริดสีดวงด้วยตัวเองสามารถทำได้โดย

  • ระวังอย่าให้ท้องผูก ดื่มน้ำมาก ๆ และกินผักผลไม้มาก ๆ ถ้าท้องผูกให้กินยาระบายเป็นยารักษา ริดสีดวง เช่น ยาระบายแมกนีเซีย ดีเกลือ อีแอลพี หรือสารเพิ่มกากใย
  • ถ้าปวดมากเนื่องจากมีการอักเสบ ให้กินยาแก้ปวด นั่งแช่ในน้ำอุ่นวันละ 2 – 3 ครั้ง ๆ ละ 10 – 15 นาที และใช้ยาริดสีดวง ทั้งยาเหน็บหรือยาทาริดสีดวงทวารเพื่อบรรเทาเป็นเวลาประมาณ 7 – 10 วัน
  • หากหัวริดสีดวงออกมาข้างนอกให้ใช้ปลายนิ้วดันหัวกลับเข้าไป ถ้าดันกลับไม่ได้แนะนำให้ไปโรงพยาบาล)

2) รักษาริดสีดวงโดยแพทย์

ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นมากแพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยวิธีต่อไปนี้

  • การฉีดยาเข้าที่หัวให้ฝ่อไป วิธีนี้สะดวก ไม่เจ็บปวด มักจะฉีดสัปดาห์ละครั้ง ประมาณ 3 – 5 ครั้ง
  • ใช้ยางรัด ทำให้หัวฝ่อ
  • ใช้แสงเลเซอร์รักษา
  • รักษาโดยการผ่าตัด

การผ่าตัดรักษาริดสีดวงทวารเป็นอย่างไร

การผ่าตัดเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวารที่อาจถูกใช้ในกรณีที่การรักษาด้วยยาหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วไม่สามารถบรรเทาอาการได้หรือมีภาวะที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน ได้แก่

  1. การผ่าตัดริดสีดวงทวาร (Hemorrhoidectomy)
    มักใช้เมื่อริดสีดวงทวารมีขนาดใหญ่ หรือมีอาการรุนแรงและไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการอื่นได้ โดยการผ่าตัดนี้จะทำการตัดเนื้อเยื่อริดสีดวงทวารที่มีปัญหาออก หลังผ่าตัดผู้ป่วยอาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวหลังผ่าตัดระหว่าง 1 – 2 สัปดาห์ โดยต้องระวังการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากและการดูแลแผลผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง



  2. การผ่าตัดริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์ (Laser Hemorrhoidoplasty / Laser Hemorrhoidectomy)
    การผ่าตัดรักษาริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์เป็นการใช้แสงเลเซอร์ในการตัดและทำลายเนื้อเยื่อที่เป็นริดสีดวงทวาร โดยแสงเลเซอร์จะช่วยตัดเนื้ออย่างถูกต้องตรงตำแหน่ง ลดการเสียเลือดระหว่างการผ่าตัด และลดการอักเสบของเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง ทำให้การฟื้นตัวของผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น วิธีนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะมีข้อดีมากมาย ได้แก่
    • ลดความเจ็บปวด การผ่าตัดริดสีดวงทวารด้วยเลเซอร์เจ็บปวดน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบดั้งเดิม
    • ลดการเสียเลือดระหว่างการผ่าตัด เพราะการใช้เลเซอร์ช่วยให้ตัดเนื้อเยื่อได้อย่างถูกต้อง
    • ตรงตำแหน่ง การใช้เลเซอร์สามารถตัดเนื้อเยื่อได้อย่างถูกต้อง ช่วยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง
    • ฟื้นตัวเร็ว ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่า เจ็บน้อยกว่า กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของริดสีดวงและจำนวนริดสีดวงของผู้ป่วยแต่ละราย
  3. การผ่าตัดริดสีดวงทวารด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง Radio Frequency Coagulation
    การผ่าตัดริดสีดวงทวารโดยใช้เทคนิค Radio Frequency Coagulation เป็นการใช้ยาชาเฉพาะที่ร่วมกับคลื่นวิทยุความถี่สูง Radio Frequency จี้ไปที่ก้อนริดสีดวงเพื่อให้ก้อนริดสีดวงฝ่อลง เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว กลับบ้านได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล


เตรียมตัวก่อนผ่าตัดริดสีดวงทวารอย่างไร

  1. ผู้ป่วยจะต้องได้รับการตรวจร่างกายและประเมินสภาพสุขภาพทั่วไปเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีข้อห้ามในการผ่าตัด
  2. ผู้ป่วยควรอาบน้ำ สระผม ตัดเล็บให้สั้นในคืนก่อนวันผ่าตัด
  3. งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืนในคืนก่อนวันผ่าตัด
  4. พักผ่อนให้เต็มที่ในคืนก่อนวันผ่าตัดอาจจะได้รับยาเพื่อช่วยคลายความวิตกกังวลและได้พักผ่อน
  5. ขณะทำการผ่าตัด ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวด เพราะแพทย์จะใช้ยาระงับความรู้สึกช่วงท่อนล่างของร่างกายโดยการฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลัง

ดูแลตนเองหลังผ่าตัดริดสีดวงทวารอย่างไร

  1. หลังผ่าตัดใหม่ ๆ จะรู้สึกชาที่ขา ก้น และสะโพก เนื่องจากฤทธิ์ยาชายังคงอยู่
  2. ท่านอนหลังผ่าตัด ควรนอนในท่าตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเพื่อลดการกดทับและบรรเทาอาการปวดแผล ในรายที่ฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลังควรนอนราบอย่างน้อย 12 ชั่วโมง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากยาชาเฉพาะที่
  3. สามารถเริ่มรับประทานอาหารได้ตามปกติ
  4. การนั่งแช่ก้นในน้ำอุ่น จะเริ่มในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด โดยใช้น้ำอุ่นใส่ในอ่างที่มีขนาดของปากอ่างพอดีกับก้นเพื่อป้องกันไม่ให้แผลผ่าตัดกดทับกับก้นอ่างและแผลได้สัมผัสกับน้ำได้เต็มที่
  5. หากมีอาการปวดหลังผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์และพยาบาลทราบ

โรงพยาบาลที่ชำนาญด้านการรักษาริดสีดวงทวาร

ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมให้การดูแลรักษาโรคริดสีดวงทวารตลอดจนการผ่าตัดริดสีดวงทวาร ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากด้วยประสบการณ์และทีมสหสาขาที่พร้อมดูแลให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการรักษาทุกปัญหาริดสีดวง เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจในทุกวัน


แพทย์ที่ชำนาญการรักษาริดสีดวงทวาร

พญ.สรินดา เลิศบรรณพงษ์ศัลยศาสตร์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก คลินิกศัลยกรรมลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ

สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง


แพ็กเกจการผ่าตัดรักษาริดสีดวงทวาร

แพ็กเกจการผ่าตัดริดสีดวงทวาร ราคาเริ่มต้นที่ 85,000 บาท

คลิกที่นี่ 

ข้อมูลโดย

Doctor Image
พญ. สรินดา เลิศบรรณพงษ์

ศัลยศาสตร์

ศัลยศาสตร์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
พญ. สรินดา เลิศบรรณพงษ์

ศัลยศาสตร์

ศัลยศาสตร์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
Doctor profileDoctor profile
Loading

กำลังโหลดข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติมที่

คลินิกศัลยกรรมลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ

ชั้น 1 อาคาร D ศูนย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ

เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.

แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ดูแพทย์ทั้งหมด